++ ภูกระดึง .........ที่ครั้งหนึ่งเคยไป ++
คราวนี้เป็นเรื่องราวเก่าๆที่ครั้งหนึ่งเคยพาพ่อกับแม่และน้องๆไปเที่ยวภูกระดึงครับ เป็นการเดินทางของครอบครัวแต่ไม่ครบองค์ประกอบครับ เพราะว่ามีน้องอีกคนที่ไม่ได้มาด้วย การเดินทางครั้งนี้จึงมีแค่ ห้าคนเท่านั้น เป็นการเดินทางครั้งแรกของน้องคนเล็กด้วย เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้นไปติดตามกันเลยครับ
เริ่มต้นจากการที่ผมอยากพาพ่อกับแม่ไปเที่ยวภูกระดึงสักครั้ง จึงได้นัดแนะกันมาเจอที่จังหวัดโคราช เพื่อที่จะนั่งรถต่อมายังผานกเค้าซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อเตรียมตัวก่อนขึ้นภูกระดึงครับ การเดินทางที่แสนทรหดอดทนครั้งนี้ ไม่รู้ว่าพาพ่อกับแม่ไปเที่ยวหรือไปลำบากกันแน่ครับ
หลังการเดินทางออกจากนครราชสีมาเกือบจะห้าทุ่ม เราก็เดินมาถึงผานกเค้าประมาณตีห้า อากาศกำลังหนาวทีเดียวครับ ภูเขาหินด้านหลังคือผานกเค้าครับ
เราทานข้าวเช้าและเตรียมตัวกันที่ร้านอาหารตรงผานกเค้าซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวทุกคนที่มากับรถทัวร์ต้องลงแวะพักที่นี่กันก่อน ในช่วงเวลาประมาณ เกือบ 7 โมงเช้าจะมีรถสองแถวที่จะวิ่งให้บริการเข้าไปในอุทยาน คนละ 20 บาท ประมาณ 15 ก.ม.จากผานกเค้าเราก็มาถึงอุทยานแห่งชาติภูกระดึง
มาถึงแล้วก็ไม่รอช้าครับเรารีบเดินกันเลยดีกว่า เส้นทางขึ้นภูกระดึงเดินไม่ยากเท่าไหร่ครับทางก็กว้าง เพราะในแต่ละปีมีคนเดินขึ้นเยอะมากๆครับ แถมยังมีร้านอาหารคอยให้บริการตามจุดพักต่างๆเต็มไปหมดครับ ที่นี่มีบริการหาบของขึ้นให้ด้วยครับ เขาคิดกิโลละ 15 บาท แต่ว่าพวกเราไม่ใช้บริการแบกของกันเองเลย พ่อกับแม่ก็เหมือนกันต้องแบกของกันเอง ไม่ใช่ไม่อยากใช้บริการนะครับ แต่ว่างบเรามีน้อยเหลือเกิน เดี๋ยวไม่พอ ดังนั้นเพื่อความประหยัด แบกของเองแล้วกันครับ
หลังจากที่เดินมาได้หลายชั่วโมง พวกเราก็ใกล้จะถึงหลังแป เต็มทีแล้วครับ บางจุดบางช่วงชันมากๆ
เขาก็จะมีการสร้างบันไดเอาไว้ให้ปีนได้ง่ายๆครับ
ในที่สุดเราก็เดินมาถึงหลังแปครับตรงจุดนี้มีป้ายเอาไว้ในนักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปด้วยครับกับคำที่ยอดฮิตที่สุดคือ ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง จากจุดเริ่งเดินมาถึงหลังแปเป็นระยะทางประมาณ 5 กิโลกว่าๆครับ เราใช้เวลาในการเดินเกือบสี่ชั่วโมงครับ
แวะพักเหนื่อยและถ่ายรูปกันแล้วเราก็ต้องเดินต่อบนทางราบที่เต็มไปด้วยทราย ประมาณ 3 กิโลกว่าๆครับ พ่อกับแม่เหนื่อยหอบกันดีเดียวทันทีที่ได้ยินว่าต้องเดินกันต่ออีกหลายกิโล
แต่แล้วการเดินทางที่แสนทรหดของเราก็มาถึงที่หมายครับ จุดกางเต๊นท์ มาถึงแล้วก็รีบกางเต๊นท์กันก่อนครับ หลังจากนั้นก็นอนพักเอาแรงกัน ช่วงที่เดินผ่านทุ่งหญ้ามานั้นได้พบกับเพื่อนสองคนด้วยแต่ว่าสวนทางกันครับพวกเขากำลังเดินกลับลงไป
ช่วงเย็นๆเราก็เดินไปดูพระอาทิตย์ตกกันที่ผาหมากดูกครับ พ่อกับแม่ขอตัว เพราะว่าหมดแรงครับ เลยนอนรออยู่ที่เต๊นท์
ก็เลยมีแต่เราสามคนพี่น้องที่เดินมาเที่ยวกัน ในช่วงเย็นๆวันนี้ฟ้าหลัวมากครับทำให้มองเห็นพระอาทิตย์ตกไม่ชัด ได้เห็นแต่ท้องฟ้าสีแดงๆครับ
วันนี้นักท่องเที่ยวก็เยอะเหมือนกันครับ แต่เราก็แวะไปหามุมสงบๆถ่ายรูปกัน
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วครับไม่นานท้องฟ้าจะมืดมิด แต่ว่าเราสามคนก็ยังไม่เดินกลับนะครับ ปล่อยให้นักท่องเที่ยวคนอื่นๆเดินกลับกันไปก่อน
ลมหนาวๆพัดมา แรงขึ้นๆทุกขณะครับ ตอนนี้ความหนาวได้ห่อหุ้มไปทั่วบริเวณ แต่เราก็ยังสนุกกับการถ่ายรูป ในช่วงที่ไม่มีใครอื่นครับ
กว่าจะเดินกลับก็ปาไปประมาณ ทุ่มครึ่ง พวกเราติดไฟฉายมาด้วยครับ เส้นทางจากที่พักแรมมา
ผาหมากดูกไปกลับ ประมาณ 4 กิโลเมตรครับ
หลังจากนอนหลับสนิทด้วยความเหนื่อยหล้าในค่ำคืนที่เหน็บหนาว อุณหภูมิคืนนี้ประมาณ 8 องศา แล้วก็ได้เวลาประมาณตีสี่ ที่เราจะต้องเดินไปผานกแอ่นพอรอดูความงามของพระอาทิตย์ขึ้นครับ
กว่าจะเตรียมตัวแล้วเดินมาถึงผานกแอ่นก็ประมาณ เกือบหกโมงเช้าครับ แต่ว่าท้องฟ้ายังมืดอยู่เลย แล้วพวกเราก็เดินไปหามุมเพื่อนั่งรอเวลากันครับ นักท่องเที่ยวเต็มไปหมดแทบจะหาที่นั่งไม่ได้เลยครับ ยิ่งเป็นมุมสุดฮิตด้วยคนเนี่ยะออกันเต็มไปหมด
แล้วในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึงครับ พระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาแล้วตรงระหว่างผานกเค้า ที่เราลงรถทัวร์
เมื่อวานครับ เสียดายที่วันนี้ไม่มีทะเลหมอกเลยครับ มีแค่สายหมอกบางไม่มากนัก จากจุดที่พักไปกลับ
ผานกแอ่นประมาณ 4 กิโลเมตรครับ
หลังจากกลับมาจากชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้วและทานอาหารเช้าเรียบร้อยเราก็ออกเดินทางไปเที่ยวตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติกันครับ จุดบริเวณนี้เป็นจุดบริเวณก่อนถึงน้ำตกเพ็ญพบครับ
ตลอดเส้นทางจากน้ำตกเพ็ญพบ มาจนถึงบริเวณองค์พระมีต้นเมเปิ้ลให้เห็นตลอดทางครับ บางต้นก็ใบร่วงโรยแล้วบางต้นก็ยังแดงเต็มต้นอยู่
ตรงบริเวณสระแก้วครับ น้ำใสสะอาดและเย็นมากๆเลยครับ เหมาะกับการนั่งพักเหนื่อย เป็นช่วงที่รอแม่ไปอาบน้ำครับ แดดแรงๆตอนกลางวัน พอเห็นน้ำใสๆแม่ก็นึกอยากจะอาบน้ำขึ้นมาเพราะว่าเมื่อคืนไม่ได้อาบ ก็เลยเดินเข้าไปหามุมเงียบๆ อาบน้ำโดยให้พ่อไปเฝ้าครับ
หลังจากที่อาบน้ำมาอย่างสดชื่นแม่ก็ดูจะมีเรี่ยวแรงขึ้นแล้ว เราก็ออกเดินมุ่งหน้าไปผาหล่มสักกันครับ เส้นทาง ทุ่งหญ้าก่อนถึงผานาน้อยครับ แดดร้อนจริงๆ
เราเดินเลยผานาน้อยมาแล้วแล้วมาแวะพักที่ผาเหยียบเมฆ ต้องเดินอีกไกลเหมือนกันกว่าจะถึงผาหล่มสักสีหน้าแต่ละคนเริ่มหมดเรี่ยวแรงกันแล้วครับ แดดมันร้อนระอุจริงๆ พอไปถึงผาหล่มสักปรากฎว่าคนเยอะเต็มไปหมดเลยครับ ต่อคิวถ่ายรูปกันยาวทีเดียว ไม่ไหว เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า ตรงผาหล่มสักมีร้านอาหารด้วยครับ หลังจากทานอาหารเสร็จก็ไปหาที่งีบสักนิดรอพระอาทิตย์ตก แต่พอตื่นขึ้นมาพ่อกับแม่บอกว่าจะเดินกลับกันก่อน พวกเราก็เลยอยู่กันสามคน แต่พอใกล้เวลาพระอาทิตย์จะตกจริงๆคนที่ ผาหล่มสักก็ยิ่งเยอะขึ้นครับ
พวกเราก็เลยตัดใจไม่ดูพระอาทิตย์ตกที่นี่กัน จึงเดินเล่นตามริมผามาเรื่อยๆและแวะถ่ายรูปไปเรื่อยครับ
ต้นสนต้นใหญ่ยืนท้าสายลมที่ริมผา มีให้เห็นเยอะไปหมดครับ
ในที่สุดเราก็เดินมาถึงบริเวณใกล้ๆผาจำศิลก่อนที่พระอาทิตย์จะตก ท้องฟ้าวันนี้มีเมฆเยอะมากๆครับ
ดวงอาทิตย์กำลังจะลับแล้วแต่ว่ามองไม่ค่อยเห็นครับเมฆเยอะไปหมด มีแต่แสงที่ยังพอเล็ดลอดมาให้เห็นบ้างครับ แต่ก็สวยไปอีกแบบ หลังจากนั้นเราก็เดินกลับที่พักแล้วรุ่งเช้าเราก็เดินลงจากภูแล้วโบกรถกลับมาที่โคราชแล้วนั่งรถต่อกลับบ้านครับ มันทรหดตรงนี้แหละครับ เดินขึ้นลงบนภูกระดึงก็เหนื่อยจะแย่แล้วยังพาพ่อกับแม่โบกรถอีก แต่ก็สนุกสนานมากครับ กลับถึงบ้านแม่ไม่สบายสองวัน เห็นทีคงไม่กล้าให้พาเที่ยวอีกแล้วหล่ะครับ
ต้นสนต้นใหญ่ยืนท้าสายลมที่ริมผา ผ่านคืนวันกาลเวลามาแสนนาน
สูงเด่นตรงเส้นขอบฟ้าขุนเขาตระหง่าน ผ่านมรสุมมาเนิ่นนานยังยืนหยัดอยู่....อย่างมั่นคง
ปิดท้ายทริปพาครอบครัวเที่ยวที่แสนทรหดอดทน บนเส้นทางแห่ง....ภูกระดึง
กับภาพของต้นสนที่ยืนท้าสายลม สายฝนและแสงแดดมาเนิ่นนานครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม
สวัสดีครับ....
พลเอก........
บรรยากาศน่าไปมากอ่ะ ไปเป็นครอบครัวน่ารักดีอ่ะ แม่พี่เอกเก่งเนอะขึ้นเขาเดินยังกะเด็กวัยรุ่นอ่ะ เดินขึ้นเขาอย่างนีไม่ไหวแน่เลยเราอ่ะ แถมต้องพายกระเป๋าเองด้วย แค่เอเดินก้อตายแล้ว อิอิ
ตอบลบอยากไปรอดูพระอาทิตย์ตกที่ภูกระดึงจัง...
ตอบลบโอ้..โฮ!
ตอบลบแต่ละทริปสุดๆอ่ะ สวยมากๆ
เรื่องบรรยากาศยกหั้ยที่1เลยจร้า
(แต่ว่าพี่น้องคู่นี้หน้าตายังกะฝาแฝดกันอ่ะ เหงรูปตกกะจัยคิดว่าพี่เอกซะอีก อิ_อิ)
บรรยากาศดีจัง สวยดี น่ารักมากเลย อยากพาครอบครัวไปแบบนี้บ้างจัง คงมีความสุขมากๆ น่าอิจฉานะเนี่ยที่อย่างน้อยมีวันเวลาดีๆแบบนี้กับคนในครอบครัว มีความสุขใช่มั้ย ขนาดคนอ่านบทความนี้ยังมีความสุขเลย
ตอบลบแต่อยากบอกเหมือนกันว่า พี่เอกมีฝาแฝดเหรอะ แบบว่าเหมือนกันมากๆ เหมือนจริงๆนะ แต่ดูๆไป เหมือนน้องจะหล่อนะ..หรือพี่หล่อกว่า อิอิ ไปที่ไหนมาบ้างอย่าลืมเอามาให้ชมให้อ่านอีกนะ......
..............แล้วพบกันใหม่.............
ไม่หรอกเอ อยู่ที่ใจไหวอยู่แล้ว...
ตอบลบเหมือนขนาดนั้นเลยเหรอ..ไม่มั้ง
ภูกระดึง ต้องไปๆ
ตอบลบว้าว......ครอบครัวท่องเที่ยวดีเด่นคับ.....
ตอบลบสุดยอดเรยค่ะ....ครอบครัวนี้
ตอบลบแต่สงสัยว่าตอนกลับนี่ต้องโบกรถกันด้วยหรอคะ
ขอบคุณครับ ไม่หรอกแต่ว่าอยากจะโบกครับ มันสนุกดี.....
ตอบลบ