Trip in Japan : เที่ยวกำแพงหิมะ เมืองโทยามะ ตอน ดินแดนฮาโตริ เมืองฮิมิ กำแพงหิมะบนอัลไพท์รูท (Himi Tateyama)


กลับมาต่อจากตอนที่แล้วที่เราไปเที่ยวหุบเขาคุโรเบะกันครับ


จากเมื่อวานที่กลับมาหมดแรงกัน ทำให้วันนี้เราตื่นสาย ก็เลยออกไปเที่ยวเมืองใกล้ๆ คือเมืองฮิมิ เมืองของการ์ตูนนินจาฮาโตริกันครับ 


เอาหล่ะเรานั่งรถรางไปต่อรถไฟที่สถานีโนมาจิ(Nomachi) ไปถึงสถานีอื้ม ไม่มีคนเลยครับ ตู้สถานีก็เล็กๆ แถมกระจกหน้าต่างก็แตก ที่นี่ใช้บัตรsuica pasmo อะไรต่างๆไม่ได้นะครับ ส่วนใหญ่เลยยกเว้นสถานีหลักๆเท่านั้นที่จะใช้ได้ งั้นเราไปหยอดตู้ซื้อตั๋วกันดีกว่า 


ซื้อตั๋วแล้วก็เดินข้ามทางรถไฟไปรอขึ้นรถไฟที่ชานชาลาตรงนั้นครับ ไม่มีใครเลย


นั่งรถไฟมาสัก 20 นาทีเราก็มาถึงเมืองฮิมิกันแล้วครับ 


เมื่อมาถึงดูนาฬิกาใกล้จะบ่ายสามแล้วเราก็รีบเดินกันครับ เราจะไปดูนาฬิกานินจาฮาโตริกัน ซึ่งจะมีตัวการ์ตูนจากเรื่องนินจาฮาโตริ ออกมาเต้นทุกชั่วโมงครับ ประมาณ4 นาที


จากนั้นก็ไปเดินเล่นในเมืองกันหน่อยว่ามีอะไรบ้าง


เดินผ่านมาเห็นวัดฮาโตริ ก็แวะเข้าไปดูกันหน่อยครับ


ที่นี่มีรูปปั้นจากการ์ตูนนินจาฮาโตริด้วย


เดินเล่นๆรอบๆถ่ายรูปกันเเล้วก็ไปกันต่อครับ


เราเดินออกไปริมทะเลกันต่อครับ วันนี้เราไม่มีข้อมูลเที่ยวอะไรครับ ออกมาก็บ่ายแล้วก็เลยมาเดินเล่นๆขำๆครับ เมืองฮิมิ เป็นเมืองท่าเรือเล็กๆ 


เดินข้ามแม่น้ำคะมิโชคะวะ(Kamisho-gawa) ซึี่งเป็นบริเวณสะพานแขวน


แล้วเราก็มาเจอกับตลาด ฮิมิบังยะไง(Himibanyagai) ซึ่งเป็นศูนย์รวมอาหารของที่ระลึกต่างๆและออนเซ็น งั้นก็เดินเข้าไปหาอะไรทานกันดีกว่าหิวแล้ว


เมื่ออิ่มแล้วก็ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะริมทะเลกัน


แล้วก็เดินเข้าไปในแนวกันคลื่นกัน จากที่นี่ในวันที่ฟ้าใส สามารถมองเห็นเจแปนแอลป์ได้อย่างสวยงามมากครับ ในรูปนี้เห็นรางๆเองครับ ทริปนี้ฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจเลย


เดินไปดูคนตกปลากัน ที่นี่มีคนมาตกปลาเยอะมาก 


คำ่เเล้วเรากลับกันดีกว่าครับ ที่นี่มีตลาดปลาด้วยแต่ต้องมาเช้าๆครับ 


ที่โทยามะ มีปลาหมึกเรืองแสงด้วยครับ ซึ่งจะมีในช่วงๆนี้ของทุกปี มันจะลอยมาใกล้ๆกับชายหาด แต่เสียดายที่เราไม่ได้ไปดูกันครับ ต้องไปดูตอนที่ก่อนจะรุ่งสางครับ พอดีที่พักของเราค่อนข้างไกลเลยไม่สะดวกที่จะเดินไปชมครับ อีกอย่างก็ไม่มีรถด้วย


กลับมานอนพักเอาแรงเที่ยวต่อวันพรุ่งนี้กันดีกว่า พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวกำแพงหิมะกันแล้วซึ่งเป็นไฮไลท์สุดของทริปนี้ที่พวกเราอยากมาครับ


เช้าวันนี้เราทั้งหมดรีบตื่นแต่เช้าเพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวเยอะๆ เราขึี้นรถไฟสายทะเทยะมะ ที่สถานี Dentetsutoyama  ราคา 1200 เยน ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 70 นาที


มีวิวสวยๆให้ชมตลอดเส้นทาง ช่วงที่ผ่านสะพานตรงนี้รถไฟจะชะลอความเร็วลงแล้วก็ค่อยๆขับแล่นผ่าน


ถึงแล้วสถานี Tateyama จากตรงนี้เราก็ต้องไปต่อรถราง เพื่อขึ้นไปบนเขาอีกที ส่วนใครที่อยากไปเที่ยวชม น้ำตกโชเมียวซึ่งเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในญ่ีปุ่น ก็จะมีรถบัสให้บริการครับ ค่ารถบัสคนละ500 เยน


เมื่อต่อคิวอันยาวเหยียดจนขึ้นรถรางมาแล้ว เราก็ต้องมาต่อรถบัสเพื่อขึ้นไปบนเขาตรงบริเวณ Mudoro  ซึ่งวันนี้สภาพอากาศไม่เป็นใจให้เราสักนิดเลย ตั้งแต่ขึ้นรถรางมาแล้ว ฝนเริ่มตกปรอยๆตลอดเวลา


แถมซ้ำมาถึงข้างบนหิมะตกหนัก สลับกับฝนเดินเที่ยวแทบไม่ได้เลย เสียดายมาก อดเห็นกำแพงหิมะแบบฟ้าใสๆน้ำเงินๆเลย ไว้คราวหน้าถ้ามีโอกาสจะมาใหม่


เมื่อเดินเที่ยวไม่ได้แล้วแถมนักท่องเที่ยวก็เยอะมากอัดแน่นกันเต็มสถานีไปหมด เราก็ไปกันต่อดีกว่านะ สถานีต่อไปคือสถานี Daikanbo จากตรงนี้สามารถมองเห็นเขื่อนคุโรเบะ แบบไกลๆ


ฝนก็ยังคงตกปรอยๆอยู่ตลอดเวลาไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มเมฆ


หลังจากนั่งกระเช้าลงมาถึงที่สถานี Kurobedaira ก็มองย้อนกลับไป อืมไกลและก็สูงมากๆ


แล้วเราก็ลงมาถึงเขื่อนคุโรเบะกันแล้วครับ เขื่อนที่ใหญ่สุดของญ่ีปุ่น สร้างเสร็จเมื่อปี 1963 ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 7 ปี


พวกเราก็พากันเดินเล่นบนสันเขื่อนที่ปลายสันเขื่อนอีกด้าน มีร้านค้าต่างๆมากมาย และมีน้ำที่ไหลจากธรรมชาติให้ดื่มด้วย แล้วก็แวะทานอะไรรองท้องเล็กๆน้อยๆกัน จากจุดนี้เราต้องแยกกันกลับกับเพื่อนแล้วครับ เพื่อนๆอีกกลุ่มจะกลับไปที่โทยามะ ส่วนกลุ่มผมก็จะกลับลงไปทางนากาโน่ เพื่อต่อรถกลับโตเกียวกัน


หลังจากแยกกันกับเพื่อนอีกกลุ่มแล้ว พวกผมก็พากันขึ้นบันไดมาเพื่อชมความยิ่งใหญ่ของเขื่อนคุโรเบะจากมุมด้านบนกัน ช่วงที่เดินขึ้นบันไดมา เล่นเอาเหนื่อยทีเดียวครับ แต่ก็คุ้มกับวิวที่เห็น


ที่เขื่อนคุโรเบะจะมีบริการล่องเรือชมเขื่อนด้วยครับ แต่ว่าพวกผมไม่ได้ไปเพราะเวลาไม่ทันก็เลยอดไปชมเลยไว้คราวหน้าอีกแล้ว (ไม่รู้จะได้มาอีกหรือเปล่า) 


จะสี่โมงเย็นแล้วเรารีบกลับกันดีกว่าเดี๋ยวต้องไปต่อคิวขึ้นรถอีก จากที่นี่พวกผมก็กลับลงไปทางนากาโน่ แล้วต่อรถบัสไปต่อรถไฟเข้าเมืองมัสสีโมโต้ แล้วต่อรถไฟเข้าโตเกียวอีกทีครับ การเดินทางทริปนี้ถึงแม้สภาพอากาศไม่เป็นใจเลยสักวัน แต่ก็เป็นประสบการณ์ชีวิตอีกแบบ ที่สำคัญได้เที่ยวกับเพื่อนๆหลายๆคน สนุกมากครับ ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ร่วมทริปด้วยกันครับ


ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ




สวัสดีครับ......PonAek












ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

5 สวนดอกไม้ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น (ที่ไม่ไกลจาก Tokyo)

Trip in japan : kamikochi คามิโคจิ ความงดงามที่ซุกซ่อนอยู่ใจกลางเจแปนแอลป์ (Matsumoto)