++ ตะลอน @ วังน้ำเขียว ++
2 วัน 1 คืน กับสมาชิกทั้งหมด 13 คน ก่อเกิดเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจในระหว่างการเดินทาง ถ่ายรูป พูดคุย กัดจิก กันอย่างสนุกสนานตลอดการเดินทางครั้งนี้ พวกเราออกเดินทางออกจากกรุงเทพประมาณ 07.00 น และจุดแรกที่พวกเราแวะเที่ยวกัน นั่นก็คือ Palio จุดท่องเที่ยวเดินเล่นถ่ายรูปยอดฮิต
ที่แรกพวกเรากะว่าจะแวะถ่ายรูปกันที่ Primo ด้วยแต่ว่าเขาปิดปรับปรุงเลยได้มาที่นี่ที่เดียว คนเยอะมากๆเดินขวักไขว่กันเต็มไปหมด สมกับเป็นจุดยอดนิยมจริงๆ Palio เป็นภาษาอิตาเลี่ยน แปลว่า รางวัล ภายในมีร้านค้าต่างๆมากมายให้ได้เดินเลือกช็อปกันด้วย แต่วันนี้อากาศร้านมาก พวกเราเลยตัดสินใจ
ว่าขึ้นเขาไปเที่ยวน้ำตกกันดีกว่า
ว่าขึ้นเขาไปเที่ยวน้ำตกกันดีกว่า
พอไปถึงก็ต้องผิดหวัง น้ำตกเหวสุวัตน้ำน้อยมากๆ แถมน้ำยังดำอีกด้วย (อดเล่นน้ำเลย) แต่ไม่เป็นไรเพราะบรรยากาศระหว่างทางขึ้นเ่ขามาเย็นสบาย
กลับลงจากเขาใหญ่พวกเราก็มุ่งหน้าสู่อำเภอวังน้ำเขียวเพื่อไปยังรีสอร์ทที่พักของพวกเรา ระหว่างทางใกล้ถึงที่พัก ด้านขวามือเห็นบ้านพักใครก็ไม่รู้สวยมาก สร้างในทำเลที่ดีและเป็นจุดวิวชมพระอาทิตย์ขึ้น
ที่สวยมากเลยทีเดียว
เลี้ยวซ้ายจากจุดนั้นมาประมาณ 50 เมตร ก็มาถึงห้องพักของพวกเราในคืนนี้ เราพักกันที่ ภูแผงม้าพิมานรีสอร์ท เรือนหลังที่พวกเราพักมีทั้งหมด 5 ห้อง
พวกเราเหมาทั้งทั้งหลังเลย บรรยากาศภายในห้องพักดูสวยสะอาดตาดีครับบ
แต่ที่ชอบมากที่สุดคือระเบียงครับ เป็นระเบียงยาวต่อกันทั้ง 5 ห้อง มีโต๊ะส่วนรวมอยู่่ตรงกลาง บรรยากาศดีมาทีเดียว นั่นไงแต่ละคนดูไม่รีบเลย อาหารวางเต็มโต๊ะ แล้วไม่นานปาร์ตี้ของเราก็เริ่มขึ้นอย่างสนุกสนานไม่เกรงใจบ้านข้างๆเลยๆ แต่ไม่เกินเวลามาตรฐานทั่วไปของมารยาทนะครับ ประมาณ
5 ทุ่มนิดๆปาร์ตี้่ของพวกเราก็จบลงต่างแยกย้ายกันไปนอน เพลียมาทั้งวันแล้ว
กำลังจะเดินไปเห็นพี่โจหนึ่งในสมาชิกแก๊งเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยก็เลยลองชวน ปรากฏว่าตกลง โอเคอย่างน้อยก็ไม่ต้องเดินไปคนเดียวแล้ว มีเพื่อนไปด้วยอีกคน
ผมมากับพี่โจเดินกันมาแค่สองคน เดินขึ้นเนินมาพอเหนื่อยก็ถึงจุดชมวิวที่ว่าครับ บรรยากาศเช้าๆ
แบบนี้สดชื่นมากๆ
เสียดายไปนิดที่วันนี้ตอนเช้าเมฆเยอะไปหน่อยเลยบดบังดวงอาทิตย์ มองไม่เห็นเป็นไข่แดงเลย บรรยากาศเย็นสบายกับสายลมที่พัดเอื่อยตลอดเวลาทำให้รู้สึกดีมากๆ
อำเภอวังน้ำเขียวถือเป็นแหล่ง โอโซนอันดับ 7 ของโลกเลย อยู่ท่ามกลางแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาตินั่นก็คือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติทับลาน ลักษณะัเป็นภูเขาลูกคลื่น ทิวทัศน์สวยงาม
ทุ่งดอกหญ้าคงจะสีเหลืองทองอร่ามหากแสงแดดสาดส่อง เสียแต่เช้านี้ไม่สดใส จุดสิ้นสุดทางลาดยางเดินไปอีกนิดเดียวก็ถึงจุดชมวิวแล้วครับบ
สูดอากาศสดชื่นกันสองคนกับพี่โจสักพักใหญ่ๆก็เดินกลับมาที่รีิสอร์ท ตอนนี้ตื่นกันหมดแล้ว บางคนก็เดินไปชมรอบๆมาแล้วด้วย นางแบบของเรากำลังโพสท่าทำมือเป็นรูปหัวใจ ใครทำสวยที่สุดดูกันเอาเองครับ
ออกไปหาอะไรทานตอนเช้าก่อนอื่นก็แวะไปที่จุดชมวิวกันอีกรอบครับ เพราะอีกหลายสมาชิกที่ไปด้วย
ยังไม่เห็น สามแยกก่อนสิ้นสุดถนนลาดยางและเป็นถนนลูกรัง เดินไปอีกนิดเดียวก็จะถึงจุดชมวิว
พระอาทิตย์่ขึ้นครับ
รั้วไม้สีขาวๆ โดดเด่นบริเวณจุดชมวิว มองออกไปเห็นวิวไกลสุดลูกหูลูกตา
นั่นไง ! รั้วไม้มันมีประโยชน์หลายอย่างและหนึ่งในนั้น เป็นที่ยืนโพสท่าถ่ายรูป
รอช้าได้ที่ไหนของแบบนี้ ถ้าช้าก็หลุดเฟรมนะซิ ทั้งท่ายืน ท่านั่ง ต้องครบถึงจะถูกต้องโพสกันไปให้เต็มที่
สูดอากาศยามเช้าอันสดชื่นให้เต็มปอดไปเลย ท่ามกลางทุ่งดอกหญ้าที่บานสะพรั่ง
ช่วงที่รออาหารที่สั่งอยู่ มีเวลาพวกเราก็แวะไปเที่ยวสวนดอกหน้าวัวกัน ซึ่งอยู่เยื้ัองๆกับร้านข้าวที่สั่ง
อันที่จริงเขามีปลูกหลายอย่างทั้งองุ่น เสาวรส และกล้วยไม้ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีผล ก็เลยไม่ได้ไปชมกัน
ที่หน้าไร่มีร้านกาแฟด้วยและสินค้าที่ระลึกขายด้วย ไปหากาแฟทานกันดีกว่า แต่ว่าผมไม่กินกาแฟ
เลยสั่งชาเขียวปั่นไป รสชาติอร่อยดีทีเดียวครับ
หลังจากเช็คเอาท์แล้วพวกเราก็พากันเดินทางกลับกรุงเทพ โดยแวะทานข้าวเย็นกันที่ ฉะเชิงเทราเป็นที่สุดท้าย ก่อนจบทริป ตะลอน วังน้ำเขียว ของพวกเรา สนุกสนานมากๆ ต้องขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ทำให้เกิดเรื่องราวความทรงจำ และเครดิตบางภาพจากพี่ๆสมาชิก
แล้วพบกันใหม่กับ ทริป ปล่อยใจไปกับทะเลใสๆ ที่หลีเป๊ะ
สวัสดีครับ
พลเอก.......
จะติดตามการเดินทางของเอกทุกทริป....เลยจ้า
ตอบลบขอบคุณครับบ.....................
ลบ