Trip in japan : kamikochi คามิโคจิ ความงดงามที่ซุกซ่อนอยู่ใจกลางเจแปนแอลป์ (Matsumoto)


พร้อมกับการออกเดินทางครั้งใหม่ ครั้งนี้เราจะไปเที่ยวคามิโคจิกันครับ อยู่ที่ไหนนะเหรอ ผมเองก็ยังไม่ทราบเหมือนกันครับ วันนี้คนญี่ปุ่นใจดีพาไปเที่ยวครับ ไอ้เราก็ใจง่ายซะด้วยถ้าเรื่องเที่ยวนี่ 55


เราออกเดินทางจากท่ีพักกันตั้งแต่ตี4 ครับ ขับมาได้ประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ ก็แวะพักรถกัน  พระอาทิตย์กำลังขึ้นโผล่พ้นขอบเหลี่ยมเขาพอดีสวยมาก


จุดพักรถสามารถมองเห็น ทะเลสาบซุวาโกะ ในบรรยากาศยามเช้าๆ ที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นสวยมากครับ


ตอนเช้ามาหมอกสายลอยอ้อยอิ่ง ทาบกับภูเขาสวยงามทีเดียว


ที่จุดพักรถ ที่นี่พวกเราจะหาอะไรทานกันด้วยครับ เช้าๆ อากาศเย็นๆอย่างนี้ กินราเมนดีกว่า


ทะเลสาบซุวาโกะ ในช่วงฤดูหนาว ทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็งครับ อยากเห็นจังเลยไม่รู้จะมีโอกาส
ได้มาอีกหรือเปล่า

หลังจากทานราเมนร้อนๆกันเสร็จเราก็มุ่งหน้ากันต่อไปครับ 


พอขับมาถึงเมืองมัสสึโมโตะ ก็เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนหมายเลย 158  มุ่งสู่คามิโคจิกัน ขับขึ้นเขามาได้สักพักก็จะเจอกับเขื่อนอะซุสะ ครับ ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาวครับ ตรงนี้อุณหภูมิประมาณ 6 องศา 


หนาวแค่ไหนมาถึงแล้วก็ต้องลงไปชมกันหน่อยครับ เดินมาอีกฟากหนึ่งของเขื่อน โหหห ลึกมาก
รู้สึกหวิวๆเลยครับ
 

ตอนนี้แปดโมงกว่าแล้วไปกันต่อเถอะ ขับเลยเขื่อนมาสักพักก็ต้องหาจุดจอดรถครับ เพราะว่าเขาไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัว ขึ้นไปครับ เราต้องนั่งรถบัสหรือไม่ก็แท็กซี่ไปครับ พวกเรามากันสี่คนก็เลยนั่งแท็กซี่ครับ เพราะสะดวกกว่า


ค่าแท็กซี่จากจุดจอดรถมาถึงจุดนี้ที่เป็นสถานีรถบัสบนคามิโคจิ ค่าเสียหายอยู่ที่ 2000 เยนครับ


เมื่อมาถึงแล้วเราก็ไปลุยกันต่อเลยดีกว่าครับ จากจุดจอดรถบัสเดินมาด้านข้างอีกนิดหน่อยก็ถึงที่ทำการอุทยานแล้วครับ

เช้านี้ข้างบนนี้อุณหภูมิอยู่ที่ 2 องศาครับ เย็นจริงๆ 


ที่นี่เหมาะสำหรับการมาเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีครับ โดยจะมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติรอบๆริมแม่น้ำ


ยอดเขาด้านหน้าคือยอดเขา okuhotakadake ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดครับ สูง 3190 เมตร


ในช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวมาตั้งแคมป์ที่นี่กันเยอะทีเดียวครับ ทั้งคนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติเอง


เส้นทางศึกษาธรรมชาติ จากจุดที่ทำการอุทยานไปจนถึง บึงเมียวจินแล้ววกกลับ ระยะทางประมาณ   
7 กิโลเมตรครับ 


ช่วงนี้ใบไม้เริ่มแดงเยอะแล้วแต่ยังไม่พีคสุดครับ แต่ก็มีให้ชมตลอดทาง


เส้นทางเดินค่อนข้างสบายครับ เพราะเป็นเส้นทางราบเดินไม่ลำบากอะไร เเต่ก็เหนื่อยเหมือนกัน


เดินมาได้ชั่วโมงกว่าๆ ก็ใกล้จะถึงบึงเมียวจินแล้วครับ

ตรงนี้เป็นบริเวณด้านหน้าของบึงเมียวจิน มีร้านอาหารด้วย ใครที่หิวก็เข้าไปนั่งกันเลยครับ ไม่ต้องกลัวอดไม่ต้องลำบากหิ้วมาด้วยครับ สะดวกดีเขามีขาย


จากนั้นก็เดินเข้าไปชมข้างในบึงกัน มุมนี้เป็นมุมหนึ่งภายในบริเวณบึงครับ

หลังจากชมบึงกันแล้วก็ได้เวลาไปกันต่อครับ คราวนี้เราเดินวกกลับอีกเส้นทางครับ


ที่นี่เขาทำเส้นทางเดินดีมากครับ เลาะริมแม่น้ำทั้งสองฝั่งเลย 


เลือกเอาว่าเราจะเดินขาไปทางฝั่งไหน ขากลับทางฝั่งไหน เพราะเป็นเส้นทางเลาะริมแม่น้ำทั้งสองฝั่งตลอดเส้นทางเลยครับ



เดินกันไปเรื่อยๆครับ มีใบไม้สวยๆให้ชมตลอดทางทาง อย่างต้นนี้ยังแดงไม่หมดเลยครับ


ต้นนี้ก็สวยได้ใจแต่ว่าไกลไปหน่อยกล้องซูมไม่ถึง


ส่วนเมเปิ้ลต้นนี้ใบกำลังเหลืองสวยเลยครับ


ตลอดเส้นทางเดินมีวิวให้ชมตลอดเลยครับ ทั้งแม่น้ำ ใบใม้ ภูเขา ทุ่งหญ้า ฯลฯ


มองไปมุมไหนๆก็สวยไปหมดครับ เราเดินวนกลับมาใกล้จะถึงที่ทำการแล้ว 


ใช้เวลาในการเดินชมไปประมาณเกือบสี่ชั่วโมง


แต่ทว่าเส้นทางของเราในวันนี้ยังไม่สิ้นสุดแค่นี้ครับ เราต้องเดินกันต่อครับ 


คราวนี้พวกเราเดินเลาะลงไปกันบ้างครับ เพื่อไปขึ้นแท็กซี่อีกจุดหนึ่ง ซึ่งจากจุดนี้เดินไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร เดินผ่านมาเจอเมเปิ้ลต้นนี้ แดงสดได้ใจมากๆครับ


แล้วก็วิวของเทือกเขา ที่นี่เป็นแนวของเทือกเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่นครับ เป็นเทือกเขาเดียวกันกับเทือกเขาที่มีเส้นทางอัลไพท์รูท 


แต่เส้นทางนี้ข้ามไปเมืองทาคายาม่า ส่วนเส้นทางอัลไพลท์รูทนั่นข้ามไปเมือง โทยะมะ


เดินมาได้สักพักเริ่มหิวน้ำซะแล้วหล่ะ แต่ว่าร้านค้านั้นยังอีกไกลแหะ ถ้าไม่ติดเกรงใจหล่ะก็จะกระโดดลงไปกินน้ำในแม่น้ำเลย เพราะว่าน้ำใสมาก น่าลงไปเล่นด้วย นี่ถ้าอากาศร้อนๆ คงไม่เหลือมีเปียกแน่นอน


รีบเดินกันไปต่อดีกว่านะ 



เดินเที่ยวที่นี่เพลิดเพลินมากๆครับ  มองไปทางไหนก็มีแต่มุมสวยๆ อาจเป็นเพราะอากาศไม่ร้อนด้วย
ก็เลยรู้สึกเดินแล้วเพลินๆดี 


นักท่่องเที่ยวมาเที่ยวที่นี่กันเยอะมากครับ ส่วนคนไทยก็มีกลุ่มผม กับอีกกลุ่มหนึ่งเท่านั้นที่เจอวันนี้นะครับอาจจะมีเยอะกว่านั้นแต่คงไม่เจอกัน


ตลอดเส้นทางที่เดินผ่านมาก็จะมีโรงแรมอยู่ตลอดทางเลยครับ 


สำหรับโรงแรมนี้อยู่ในมุมที่พอเหมาะกับทิวเขาด้านหลังเลย


ใครจะมาเที่ยวที่นี่หล่ะก็เช็คตารางเปิดปิดด้วยนะครับ เพราะว่าที่นี่จะปิดในช่วงฤดูหนาวครับ และใครที่อยากปีนไปบนยอดดอยสูงสุดก็ต้องมาช่วงหน้าร้อนและต้นหนาวแบบนี้ที่หิมะยังไม่ปกคลุมครับ


ตลอดเส้นทางก็จะมีป้ายบอกตลอดทางว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนแล้ว และเหลือระยะทางอีกเท่าไร 


ตอนนี้ก็ใกล้ถึงแล้วครับ หลังจากเดินผ่านทุ่งหญ้าสวยๆมา ก็มาเจอกับบึง อีกบึงทีี่มีบริการเรือพายด้วย


ส่วนราคานั้นไม่ทราบเหมือนกันครับไม่ได้เดินไปดู เพราะว่าต้องรีบกลับตอนนี้บ่ายคล้อยมากแล้ว
ใจจริงถ้ามีเวลาเยอะกว่านี้ก็อยากจะพายเรือเล่นๆชิวๆเหมือนกันครับ


หนึ่งในสัญลักษณ์ของคามิโคจิ คือต้นไม้ยืนต้นตายในแม่น้ำครับ เกิดจากภูเขาไฟระเบิดทำให้แม่น้ำเปลี่ยนเส้นทางไหล มาท่วมตรงนี้


แผนที่เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติจุดสีน้ำเงินคือบริเวณลานจอดรถบัสตอนที่เรามาถึงนั่นเองครับ  ส่วนตอนนี้เราอยู่กันที่บริเวณจุดสีแดง ซึี่งเราจะขึ้นแท็กซี่กลับจากจุดนี้กัน วันนี้เราใช้เวลาในการเดินเที่ยวชมธรรมชาติที่คามิโคจิ ไปประมาณ หกชั่วโมงกว่าๆ กับเส้นทางประมาณ 11 กิโลเมตร เหนื่อยแต่สนุกมากๆครับ ธรรมชาติงดงามจริงๆ และแล้วก็หมดเวลาต้องเดินทางกลับกันแล้วครับ


ปิดท้ายทริปด้วยภาพทุ่งหญ้าสวยๆที่มีเทือกเขาสูงอยู่ด้านหลัง


สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเดินทางมาเที่ยวด้วยตัวเองโดยเริ่มต้นจากเมืองมัตสึโมโตะ นั่งรถไฟสายท้องถิ่น มาลงที่สถานีชินชิมะชิมะ หรือสุดสายนั้นเองครับ จากที่นี่จะมีรถบัสให้บริการ ค่ารถคนละ 2400 เยนครับ ขาเดียว  ถ้าไปกลับ 4400 เยน    หรือถ้าใครจะข้ามไปเมืองทาคายาม่าก็ขึ้นรถบัสได้จากที่นี่เหมือนกันครับ

รายละเอียดเพิ่มเติม

http://www.japan-guide.com/e/e6040.html





ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมครับ



พลเอก....................













ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

5 สวนดอกไม้ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น (ที่ไม่ไกลจาก Tokyo)

Zao Snow Monsters ทุ่งปีศาจหิมะที่ซาโอะ