Trip in Japan : ไต่ระห่ำเสียดฟ้าที่ฟูจิ ถึงชิโมดะ และโดกะชิมะเมืองทะเลงาม ( Mt.Fuji Shimoda Dogashima) (Part2)


จากตอนที่แล้วตามไปเที่ยวกันต่อ ที่ ชิโมดะ เมืองทะเลงาม กันนะครับ...  SHIMODA 



หลังจากที่เมื่อคืนหลับไปอย่างหมดเรี่ยวแรง ตอนเช้าก็รีบตื่นแต่เช้าเลยครับ วันนี้เราจะไปเที่ยวกันต่อ แต่วันนี้ต้องแยกกับเพื่อนเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรกกลับนาโกย่า กลุ่มสองกลับไซตามะ ส่วนผมกับน้องอีกคนไปเที่ยวกันต่อ เลยต้องขอตัวแยกออกมาแต่เช้าเพื่อไปขึ้นรถบัส


เมื่อรถมาแล้วก็กระโดดขึ้นกันเลย บนรถไม่มีใครเลยครับ มีพวกผมแค่สองคนกับพี่คนขับ


รถบัสขับขึ้นเขาลงเขา เลาะเลียบริมทะเลไปตลอดทาง มีวิวให้ชมสลับกับลอดอุโมงค์ วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสมาก ไม่เหมือนสามสี่วันก่อนเลย


 นั่งรถมาได้เกือบชั่วโมงเราก็มาถึง จุดแวะเที่ยวจุดแรกของเราในวันนี้แล้วครับ    นั่นก็คือ  โดกะชิมะ   
( Dogashima ) นั่นเอง พอลงจากรถปุ๊บก็รีบๆเดินจ้ำอ้าวกันไปบริเวณแรกกันเลยครับ ที่โดกะชิมะเป็นบริเวณที่เต็มไปด้วยเกาะเเก่ง และหน้าผาริมทะเล ท้องฟ้าสดใสมากต้องแลกมากับอากาศร้อนสุดๆครับ เดินไปหอบไปทีเดียว



 ที่บริเวณริมผามีเส้นทางให้เดินชมธรรมชาติเลาะไปตามริมผาด้วย ถ้าใครมีแรงมีเวลาก็สามารถเดินเล่นอย่างเพลิดเพลินหลายชั่วโมงทีเดียว นอกจากนั้นบริเวณนี้ยังมีออนเซ็นให้บริการอีกด้วย เป็นออนเซ็นริมผา ที่มีวิวเป็นทะเลกว้างสุดสายตา แยกชายหญิง เป็นออนเซ็นเล็กๆ รับได้ประมาณ5 คน  ราคาค่าเข้าออนเซ็น คนละ 600 เยน ครับ ติดต่อที่ป้อมประชาสัมพันธ์ตรงลานจอดรถได้เลยครับ



 หลังจากนั้นเราสองคนก็เดินไปตามเส้นทางเลียบริมผา เพื่อชื่นชมกับทัศนียภาพ ที่สวยงามผาหิน และเกาะแก่ง เดินจนเหนื่อยบวกกับอากาศร้อนสุดๆ ทำให้กระหายน้ำสุดๆ ดีนะที่ญี่ปุ่น มีตู้เครื่องดื่มตั้งบริการอยู่เต็มไปหมด สะดวกจริงๆ



แล้วเราก็เดินไปกันต่อครับ เราจะไปล่องเรือกันต่อดีกว่า เดินมาสักพักก็ถึงที่ซื้อตั๋วเรือกัน ราคาตามนี้เลยครับ เส้นทางที่ส้มกับสีน้ำเงิน มีตามรอบที่เห็นครับ แต่เส้นทางสีเขียวขึ้นได้ตลอดเวลาครับมีเรือตลอด ซึ่งเป็น เส้นทางไฮไลท์



ซึ่งผมก็ไปเส้นทางนี้แหละครับ ใจจริงก็อยากไปเส้นทางสีน้ำเงิน แต่มีสองเที่ยวต่อวัน ซึ่งเราพลาดเที่ยวแรกไปแล้ว รอไม่ได้แล้ว เดี๋ยวเราจะต้องไปเที่ยวที่อื่นต่ออีก เมื่อได้ตั๋วเเล้วก็ไปขึ้นเรือกันดีกว่าครับ เรือจะพาเราชมเกาะเเก่งและหินผา จากนั้นก็พาผ่านช่องแคบ แล้วก็เข้าถ้ำ ซึ่งเป็นไฮไลท์สุดครับ


ถ้ำเป็นถ้ำเพดานทะลุครับ มีแสงลอดผ่านลงมากระทบผืนน้ำเป็นสีเขียวมรกต หลังผ่านไป ประมาณ 20 นาที เรือก็พาเรากลับมาถึงที่เดิม หน้าตาของเรือก็เป็นแบบในรูปครับ ลำหนึ่งรับได้ประมาณ20 คน


ลงจากเรือเเล้วก็ไปเดินชมทะเลกันต่ออีกนิด ซึ่งบริเวณที่ขึ้นเรือก็มีเส้นทางให้เราได้เดินชมหน้าผาริมทะเลเหมือนกันครับ


"หินเต่า"   เหมือนไหมครับ ตรงนี้และครับคือท่าเรือที่เราเพิ่งไปขึ้นมาเมื่อกี้ และถ้ำเพดานทะลุเมื่อกี้ก็คือ บริเวณกระดองเต่าทะลุนั่นเอง เหนื่อยแล้วกับที่นี่เดี๋ยวเราไปเที่ยวที่อื่นกันต่อนะครับ หลังจากนั้นก็เดินขึ้นมา จากท่าเรือ ข้ามถนนมา ก็จะมีสถานีรถบัสที่จะนำเราไปชิโมดะครับ ไปเที่ยวชิโมดะกันต่อเลย ค่ารถจากที่นี่ไปชิโมดะ คนละ 1400 เยนครับ


ขึ้นรถปั๊บไม่นานน้องที่มาด้วยหลับเลยครับ (คงจะเพลียมาก) ผมเองก็ง่วงมากแต่ก็หลับไม่ลงครับ อยากเห็นภูมิประเทศข้างทางที่เรานั่งรถผ่านไปครับ ถ้าใครเหนื่อยก็นอนพักได้เลยไม่ต้องกลัวนั่งเลยนะครับ เพราะรถสุดสายที่ชิโมดะ ปลายทางของเรานั่นเอง..................


นั่งรถมาประมาณ ชั่วโมงนิดๆ เราก็มาแล้วครับ "ชิโมดะ เมืองทะเลงาม" ลงรถแล้วเราก็เดินเข้าไปในสถานีซึ่งเป็นสถานีรถไฟครับ เดินไปทางซ้ายมือจะเจอกับบู๊ทประชาสัมพันธ์ เราสามารถมาของแผนที่  ตารางรถบัสและสอบถามข้อมูลอื่นๆได้


เมืองชิโมดะเป็นเมืองท่าเรือที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานครับ(แต่ผมไม่ค่อยรู้เรื่องพวกประวัติศาสตร์ครับ ไม่ค่อยสนใจที่จะอ่าน ส่วนใหญ่จะเดินๆเที่ยวมองๆภูมิประเทศมากกว่า)ชิโมดะเป็นเมืองเล็กๆ การเดินทางบริเวณรอบๆเมืองใช้การเดินทางโดยรถบัสเป็นหลักครับ หรือไม่ก็แท็กซี่


หลังจากสอบถามข้อมูลกันแล้วก็ไปหาที่พักกัน ได้ที่พักแล้วเราก็ออกไปเดินเที่ยวกันต่อดีกว่าครับ ซึ่งวันนี้เป้าหมายหลักของเราเลยก็คือไปเล่นนำ้ที่หาด ชิราฮาม่า(shirahama)   ซึ่งเป็นหาดที่่มีชื่อเสียงที่สุดของชิโมดะครับ


จากท่ารถเมื่อกี้ ก็ขึ้นรถบัส สาย 9 มาครับ หาดตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 6 กิโลเมตร ไม่นานก็ถึงแล้วครับ คนเยอะมากๆ นักท่องเที่ยวเต็มหาดไปหมด หาดสวยน้ำใสแจ่๋วเลย 


ส่วนใหญ่คนจะเล่นน้ำอยู่ทางทิศเหนือครับ เพราะโซนทิศใต้ตรงนี้เขากันไว้ให้สำหรับคนที่จะมาเล่นเซิร์ฟบอร์ดครับ คลื่นไม่ได้สูงมากเท่าไรครับ เหมาะกับคนที่กำลังหัดเล่น


หลังจากเล่นน้ำกันพักใหญ่เราก็พากันเดินกลับครับ ตลอดเส้นทางมีวิวสวยๆให้ถ่ายรูปได้ตลอด เราสองคนก็พากันเดินมาเรื่อยๆ 


ผ่านมาหลายอ่าวสวยๆทั้งนั้นแต่ก็ไม่ได้แวะเดินลงไปข้างล่างครับ แค่ข้างบนนี้ก็พอแล้วหล่ะ เดี๋ยวจะหมดแรงเดินกลับซะก่อน 


เดินผ่านมาเห็นรถเบ๊นซ์คันนี้จอดอยู่บนหลังคาบ้านเป็นที่จอดรถส่วนตัวที่วิวดีมากๆเลยครับ


กองหินสวยๆกลางทะเล มองไปไกลๆทางด้านซ้ายมือ คือ เกาะโอชิมะ(Oshima) ครับ จากโตเกียวสามารถนั่งเรือมาที่เกาะนั้นได้ครับ



เราเดินมาชั่วโมงนิดๆก็มาถึงบริเวณท่าเรือ เหนื่อยใช่เล่นเหมือนกันครับ 



ใกล้ๆกับท่าเรือ มีสวนสาธารณะเล็กริมทะเล มีออนเซ็นเท้าฟรีๆด้วย แต่ก็ไม่ได้ไปนั่งแช่ครับ เห็นครอบครัวหนึ่งกำลังสนุกและเพลินกับการแช่เท้าอยู่


เรือสำเภาสีดำนี้เลยครับ ที่เป็น "สัญลักษณ์"ของเมืองชิโมดะ ให้บริการนำเที่ยวรอบอ่าวชิโมดะด้วย หนึ่งรอบประมาณ 20 นาที ราคาคนละ 1200 เยน แต่พวกผมไม่ได้ขึ้นกันครับ เพราะวันนี้หมดรอบแล้ว 


แล้วเราก็ไปเดินเที่ยวกันต่อรอบๆอ่าวครับ ทีแรกว่าจะขึ้นกระเช้าๆก็ดั้นหมดเวลาซะก่อนอีก กระเช้าปิด 17.00 . อดเลย ไม่เป็นไรไปเดินเล่นรอบอ่าวต่อดีกว่า


เดินไปจนถึงบริเวณแนวกันคลื่นซึ่งเชื่อมต่อไปจนถีึงเกาะทะลุเล็กๆ อยู่กลางอ่าว


เดินทะลุผ่านเกาะมาก็จะเจอกับประภาคารเล็กๆตั้งอยูู่  บริเวณแถวนี้เต็มไปด้วยคนที่มาตกปลาครับ


จะทุ่มหนึ่งแล้วเราก็พากันเดินกลับ ไปหาอะไรอร่อยๆทานกัน ฝั่งตรงข้ามที่เป็นบริเวณท่าขึ้นเรือ และสวนสาธารณะเล็กๆที่เราผ่านมาเมื่อกี้ครับ 



พอเดินเข้ามาในเมือง" เงิบเลย "นี่ฟ้ายังไม่มืดสนิทเลย ผู้คนและนักท่องเที่ยวหายไปไหนกันหมดร้านค้าต่างๆก็ปิดกันเกือบหมดแล้ว ที่ญี่ปุ่นร้านต่างๆปิดเร็วมาก ผู้คนและนักท่องเที่ยวก็ไม่ค่อยออกมาเดินกัน 



มีร้านอาหารเปิดไม่กี่ร้านครับ เราสองคนก็เลยไปฝากท้องที่ร้านราเมนใกล้ๆกับท่ารถกัน ร้านนี้ปิดประมาณ 22.30 น.



เช้าอีกวันถึงเวลาที่เราต้องกลับกันแล้ว กำลังจะหมดเวลาสนุกของทริปนี้แล้ว ก่อนกลับก็แวะไปชมหาดต่างๆอีกสักหน่อย ซึ่งที่เมืองชิโมดะมีหาดที่มีชื่อเสียงและสวยงามอยู่หลายหาดเลยครับ 
ที่นี่หาดอิริตะฮาม่า (iritahama)



แล้วก็เดินมาอีกหาด หาดทะทะโดะฮาม่า (Tatadohama) ซึ่งอยู่ติดกันแต่มีเขาเล็กๆกั้นอยู่ต้องเดินอ้อมเอาประมาณ 1 กม.



หลังจากนั้นเราก็เดินทางกลับกันครับ ขากลับจากชิโมดะ นั่งรถไฟกลับกันครับ รถไฟสายนี้มีที่นั่งและกระจกกว้างๆแบบพิเศษให้ชมวิวกันด้วยครับ



10.13 . ได้เวลารถไฟออกแล้ว ขึ้นรถเร็วเข้า.....ที่นี่เป็นสถานีต้นทางคนขึ้นน้อยมาก 



นี่ไงวิว ริมทะเลสวยๆได้เห็นตลอดทางเลยครับ เป็นเส้นทางริมทะเลสลับกับลอดอุโมงค์ นั่งเพลินๆเลย


ก่อนจะกลับถึงโตเกียวยังพอมีเวลาเราสองคนก็เลยแวะเที่ยวกันต่อก่อนที่เมือง อิโตะ (Ito) พอลงไปแล้วก็ไปติดต่อสอบถามที่เคาร์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง แล้วเราก็ตัดสินใจมาเที่ยวกันที่   
" เขาโคมุโระ " "Komuro" เป็นภูเขาไฟริมทะเล นั่งรถบัสจากสถานีอิโตะ ไปประมาณ 20 นาที 


ปรกติแล้ว จะมีรถบัสมาถึงตรงทางขึ้นกระเช้าวันละ 3 รอบ แต่ว่าพวกเรามาไม่ทัน ต้องรออีกนานก็เลยตัดสินใจนั่งสายอื่นมาลงตรงทางเข้าเเล้วเดินเข้าไปอีกประมาณ 15 นาที โน้นไงครับ เขาโคมุโระ บริเวณนี้รอบๆจะเป็นสนามกีฬาและ สวนสาธารณะ ในช่วงฤดูดอกไม้บาน ที่นี่จะเต็มไปด้วยสีชมพูสวยมากเลยครับ เห็นในรูปนะครับ แหะๆ...............


 พอเดินมาถึงตีนเขา เราก็ไปนั่งกระเช้าขึ้นเขากัน เป็นกระเช้าเล็กๆ นั่งคนเดียว ค่ากระเช้าคนละ 470 เยนเป็นราคาไปกลับครับ


 มองไปทางซ้ายมือจะเป็นเมืองอิโตะ ที่เรานั่งรถบัสมาเมื่อกี้ครับ 


พอขึ้นมาถึงข้างบนวิวสวยมาก ย่ิงวันที่ฟ้าใสๆแดดเปรี้ยงๆแบบนี้


ด้านหน้าเห็นทะเลกว้าง เกาะโอชิมะ และยังมองเห็นปลายแหลมของจังหวัดชิบะด้วย


ข้างบนมีติดตั้งเครื่องตรวจอะไรสักอย่างไม่แน่ใจครับ หรือจะเป็นเรดาร์ตรวจสภาพอากาศ (คิดไปเอง) ซึ่งความจริงไม่แน่ใจ 55


ภูเขาไฟโคมุโระ (komuro) เป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว ปะทุครั้งล่าสุดเมื่อ 15000 ปีที่แล้วบริเวณรอบๆกันนี้เต็มไปด้วยภูเขาไฟหลายสิบลูกเลยครับ


เวลาเปิด-ปิดของที่นี่คือ 8.30-16.30 ครับ


 บ่ายโมงกว่าๆเราสองคนก็กลับลงมาแล้วนั่งรถบัสกลับมาที่อิโตะ เพื่อที่จะขึ้นรถไฟกลับ



 แต่เดี๋ยวเราไปเดินชมเมืองอิโตะกันต่ออีกสักนิดแล้วค่อยกลับแล้วกันครับ ลงรถบัสตรงใจกลางเมืองแล้วก็เดินมาตามริมแม่น้ำ ที่มีต้นหลิวหลายต้นอยู่ริมแม่น้ำให้ความรู้สีึกเหมือนเมืองจีนเลย



เดินตามแม่น้ำมาเรื่อยก็ออกมาถึงทะเลและท่าเรือของเมืองอิโตะ นักท่องเที่ยวเยอะแยะเลย ที่นี่คือ
หาดโอเรนจิ (Orenji) หรือหาดส้มนั่นเองครับ


ก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมถึงเรียกหาดส้ม หาดสีส้มก็ไม่ใช่เพราะหาดดำสนิท 555 สุดท้ายก็ไม่ได้คำตอบ กลับกันดีกว่าบ่ายคล้อยมากแล้ว 



 และแล้วก็ถึงเวลาต้องกลับกันแล้วครับ หมดเวลาสนุกของทริปนี้แล้ว เรานั่งรถไฟจากอิโตะแล้วมาเปลี่ยนรถที่สถานีอะตะมิเพื่อกลับเข้าโตเกียวกัน ตลอดทั้งทริปแบบว่าอยากดูพระอาทิตย์ตกและขึ้นมากๆ ไม่ได้เห็นเลยสักที่ เพราะสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย มาเจอพระอาทิตย์ตกสวยๆ ก็ตอนที่นั่งรถไฟกลับมาจะถึงที่พักอยู่แล้ว 555 ก็ยังดีที่ได้เห็น เป็นอีกทริปที่สนุกมากๆ ขอบคุณเพื่อนๆทุกคน ขอบคุณทุกๆเหตุการณ์ เรื่องราวที่ก่อเกิดเป็นความทรงจำที่ดี....... แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าครับ 





ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะครับ 




สวัสดีครับ.............PonAek














ความคิดเห็น

  1. ทริปนี้สนุกดีนะ (ถ้าไม่รวมกล้องพังกับตากแดดจนดำทั้งตัวอ่ะนะ^_^)

    ตอบลบ
  2. เเดดแรงวิวถึงสวยไง ต้องยอมตัวดำ 555

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

5 สวนดอกไม้ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น (ที่ไม่ไกลจาก Tokyo)

Trip in japan : kamikochi คามิโคจิ ความงดงามที่ซุกซ่อนอยู่ใจกลางเจแปนแอลป์ (Matsumoto)

Zao Snow Monsters ทุ่งปีศาจหิมะที่ซาโอะ