Trip in Japan : ไต่ระห่ำเสียดฟ้าที่ฟูจิ ถึงชิโมดะ และโดกะชิมะเมืองทะเลงาม ( Mt.Fuji Shimoda Dogashima)
เมื่อฤดูกาลผันเปลี่ยน เข้าสู่ฤดูร้อนที่ร้อนสุดๆของประเทศญี่ปุ่น หิมะที่เคยปกคลุมยอดเขาฟูจิ (Mt.Fuji) ภูเขาไฟที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในโลก ก็ละลายเป็นธารน้ำซึมซับเขาไปใต้ผืนดินที่ร่วนซุย เผยให้เห็นเส้นทางอันสูงชันที่ทอดตัวยาวสลับฟันปลาจนถึงปลายยอดที่ระดับความสูง 3776 เมตร ภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น
(รูปนี้เป็นรูปจากทริปที่แล้วครับ ซึ่งทริปนี้ฟูจิซังหน้าบางไม่ยอมโผล่หน้าให้เห็นเลย)
ฟูจิซังสวรรค์ของนักปีนเขา ผู้ที่ชื่นชอบการพิชิตยอดเขาที่สูงเสียดฟ้า ในแต่ละปีจะมีนักพิชิตยอดเขาเดินทางมาจากทั่วสารทิศ หลากหลายชนชาติ แต่เป้าหมายเดียวกันนั่นคือการพิชิตยอดเขาที่เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม เมื่อปีพ.ศ.2556 อีกด้วย
สำหรับเส้นทางที่ใช้ในการปีนฟูจิซังนั้นมีทั้งหมดด้วยกัน 3 เส้นทางหลักๆ คือ คาวากุจิโกะ(Kawaguchiko) ฟูจิโนะมิยะ(Fujinomiya) และโกเท็มบะ(Gotemba) แต่ระหว่างทางก็จะมีเส้นทางแยกออกอีกหลายเส้นทางด้วยกัน ปลายสุดก็ไปบรรจบกันเหมือนเดิม เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินศึกษาธรรมชาติ เพราะแต่ละเส้นก็มีภูมิประเทศและธรรมชาติที่แตกต่างกัน เส้นทางขึ้นหลักที่ผู้คนนิยมขึ้น คือ เส้นจากทางฟูจิโนะมิยะ กับคาวากุจิโกะ เส้นโกเท็มบะค่อนข้างไกล
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองของผมแล้วสำหรับการพิชิตยอดเขาอันศักดิ์สิทธิ์เเห่งนี้ ครั้งที่แล้วผมขึ้นทางเส้นทางฟูจิโนะมิยะ คราวนี้ก็เลยลองขึ้นทางคาวากุจิโกะบ้าง เส้นทางคาวากุจิโกะค่อนข้างขึี้นง่ายกว่าทางฟูจิโนะมิยะ แต่ใช้เวลาในการเดินพิชิตพอๆกัน นั่นคือใช้เวลาราวๆ 5-8 ชม. 5ชั่วโมงสำหรับผู้ที่แข็งแรงจริงๆ
ทริปของพวกเราเร่ิมต้นขึ้นในวันที่13 สิงหาคม 2557 ซึ่งเป็นวันแรกของวันหยุดยาว6วัน ช่วงเทศกาลโอบ้งของญี่ปุ่น เมื่อสมาชิกพร้อม ใจพร้อมเราก็ออกเดินทางกันเลยยยยย...................
พวกเราทั้งหมดนั่งรถไฟกันมาจากชินจุกุ(Shinjuku) มาลงที่สถานีคาวากุจิโกะ แล้วก็นั่งรถบัสขึ้นมาที่บริเวณฟูจิซังชั้น5 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางบนเส้นทางหฤโหดครั้งนี้
ช่วงแรกของการเดินทางเป็นทางราบเพื่อให้ร่างกายได้ปรับสภาพกันก่อน แต่ทางฝั่งฟูจิโนะมิยะ เริ่มต้นก็เดินขึ้นกันเลย เส้นทางนี้ค่อนข้างดีกว่ามาก
พวกเราออกเดินทางจากฟูจิชั้น5 เวลา ประมาณ 11.15 น. หลังจากเดินทางราบมาได้สักพักก็ถึงทางชันแล้ว หลังจากนี้ชันอย่างเดียวจนถึงยอดเขากันเลย ฟูจิซัง นั้นจะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นได้ทั้งวันทั้งคืน
สำหรับใครที่มาช่วงเย็นๆเพื่อจะปีนตอนกลางคืน จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจไฟฉายด้วย ทุกคนจะต้องมีเพื่อความปลอดภัย ใครไม่ได้พกมาก็สามารถมาซื้อได้ที่ร้านค้าที่ชั้น5 ก่อนปีนขึ้นไป เดินตอนกลางคืนข้อดีคือ ผิวไม่ไหม้เเดด ถ้าฟ้าเปิดจะเห็นดาวสวยมาก เหมือนปีแรกทีผมมาดาวสวยมาก และไฟจากไฟฉายก็สวยพอๆกัน เมื่อมองลงไปเราจะเห็นแสงไฟระยิบระยับวกไปวนมาเป็นเส้นจนถึงด้านล่างได้อย่างงาม
ที่ฟูจิซังยังมีกิจกรรมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบตราสัญลักษณ์ คือ ซื้อไม้ค้ำจากด้านล่างเพื่อใช้พยุงตัวแล้ว ในแต่ละชั้นก็สามารถเอาไม้คำ้ไปแสตมป์ตราได้ว่าได้ผ่านชั้นนี้มาแล้ว ค่าแสตมป์ 300 เยน ต่อชั้นที่ผ่าน
แรกๆพวกเราก็เดินกันมาเป็นกลุ่มสักพักก็กระจัดกระจายทิ้งห่างกันไปเป็นกลุ่มเล็กๆ ใครมีแรงยังไหวก็ไปก่อน ใครที่เหนื่อยหล้า ก็พักแล้วค่อยตามไป คนขึ้นก็เยอะ คนสวนลงมาก็ไม่น้อย
สำหรับใครที่ไม่ได้ตุนเสบียงมา แนะนำให้ขึ้นตอนกลางคืนจะมีร้านค้าเปิดขายอาหารเยอะ ตอนกลางวันส่วนใหญ่เป็นของกินเล็กๆน้อยๆและน้ำดื่ม น้ำดื่มข้างบนราคาจะค่อยๆแพงขึ้นตามระดับความสูง ราคาสูงสุด 500 เยนต่อขวด ตอนกลางวันร้านค้าก็ไม่ค่อยเปิด
เวลาประมาณ 17.00 น.พวกเราก็เดินขึ้นมาถึงยอดฟูจิซังกันแล้ว กว่าจะถึงเล่นเอาหมดแรงกันเลยทีเดียว ขึ้นมาถึงข้างบนลมแรงมาก พัดมาทีแทบปลิวลมพัดแรงสุดๆ แถมฟ้าก็เริ่มถูกเมฆหมอกปิด แล้วเราจะไปนอนที่ไหนกันหล่ะทีนี้
ที่จริงข้างบนก็มีที่พักให้บริการ คนละ 7000 เยน แต่ด้วยพวกเรางบน้อยเลยไม่พักกัน อยากหาเรื่องใส่ตัว
เดิมทีคิดว่าขึ้นมาแล้วจะนอนพักกันบนดินเลย (ปีที่แล้วมาอากาศดีไม่มีลม ไม่มีหมอกฝน)นอนได้สบายๆอยู่แล้ว แต่ผิดคาดปีนี้ที่ขึ้นมาลมแรงมาก แถมหนาวมากอีกด้วยโชคดีที่เพื่อนเราคนหนึ่งได้พกเต๊นท์มาด้วยก็เลยไปกางเต๊นท์แล้วเข้าไปนอนอัดกัน 6 คน บนยอดเขาเวลานี้ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมีเพียงเรา 6 คนกับ ญี่ปุ่นอีกสองคนเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะขึ้นตอนกลางคืนแล้วมาถึงข้างบนใกล้ๆจะรุ่งเช้า
โอเค 6 คนลงตัวพอดีเป๊ะ พอเวลาผ่านไปใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว เพื่อนของพวกเราอีกกลุ่มหนึ่งที่ขึ้นจากทางฝั่งฟูจิโนะมิยะก็มาถึง ก็ได้ส่งเสียงทักทายกันแล้วก็เข้ามานั่งหลับด้วยกันในเต๊นท์ รวมทั้งหมด 13 ชีวิตที่อัดกันนั่งหลับในเต๊นท์อย่างเบียดเสียดสุดๆ เดิมทีจะออกมานอนข้างเต๊นท์ตรงที่ติดกับร้านค้าก็ได้ถ้ามีแต่ลม แต่ตอนนี้หมอกหนาเร่ิมเข้ามาปกคลุมไปทั่วบริเวณจนมองแทบไม่เห็นอะไรเลย ก็เลยต้องนั่งอัดกันอยู่ข้างใน แถมไม่นานก็เริ่มมีละอองฝนหยดลงมาทำให้ลำบากมากยิ่งขึ้นไปอีก แต่พวกเรายังสบายกว่าเม่ือเทียบกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆที่ตอนนี้ขี้นมาเต็มไปหมด แต่ละคนนอนลงบนพื้นแบบไม่มีอะไรบังเหมือนพวกเรา เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม
เช้าที่เต็มไปด้วยหมอกหนาทึบปกคลุมไปทั่วพื้นที่ พวกเราก็หมดหวังที่จะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ (เสียดายนักฟ้าไม่เห็นใจ) ก็เลยพากันเดินลงมา ตอนขาลงผมกับเพื่อนอีกคนที่ขึ้นมาพร้อมกันแยกลงทางฟูจิโนะมิยะกับเพื่อนๆอีกกลุ่มที่ขึ้นมาตามหลัง เพื่อจะไปเที่ยวต่อ ลงมาจากฟูจิซังก็ไปสังสรรค์ที่ห้องเพื่อนที่ชิมิสึ(Shimizu)สองวัน หลังจากนั้นก็ได้เวลาออกไปเที่ยวต่อแล้วครับ
จากชิมิสึเราจะนั่งเรือเฟอรี่ข้ามฟากไปฝั่งโทอิ(Toi) เพื่อเที่ยวทะเลกัน ค่าเรืออยู่ที่คนละ 2260 เยน
ชิมิสึเป็นเมืองท่าเรือสำคัญของจังหวัดชิสึโอกะ(Shizuoka) และยังมีสถานที่เที่ยวอื่นๆ เช่น ไร่ชา
สวนสตอเบอรี่ วัดคุโน เรือข้ามฟากมีวันละสี่เที่ยว ตารางตามลิงค์ด้านล่างเลยครับ
http://www.dream-ferry.co.jp/suruga/schedule.php
ถ้าหากมาเที่ยวในช่วงที่ฟ้าเปิด อากาศเป็นใจ จากบนเรือสามารถมองเห็นฟูจิซังได้อย่างสวยงามทีเดียวครับ แต่น่าเสียดายที่วันนี้ฟูจิซังเกิดอายขึ้นมาไม่ยอมเผยโฉมหน้าให้เห็นเลย
เมื่อไม่เห็นฟูจิซัง ก็ไปหาที่นั่งรับลมทะเลเหนียวๆกันดีกว่าครับ ถ้าใครหิวบนเรือมีร้านค้าและอาหาร
ให้บริการด้วย
เวลาผ่านไป 1 ชม. ในที่สุดเราก็เดินทางมาถีงท่าเรือเมืองโทอิกันแล้วครับ เมื่อมาถึงแล้วก็เดินออกไปดูแผนที่กันดีกว่าครับ ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
เมืองโทอิเป็นเมืองเล็กๆ ที่นี่เคยเป็นเหมืองทองเก่ามาก่อน ของฝากที่นี่หลายอย่างจึงแพ็คเป็นรูปทองแท่ง วันนี้เราจะพักกันที่นี่หนึ่งคืน เพราะฉะนั้นไปเดินดูรอบๆเมืองกันหน่อยดีกว่า
ว่าแล้วก็เดินไปสำรวจกัน เดินเลาะไปตามชายหาดจนถึงบริเวณท่าเรือ จากนั้นก็เป็นเส้นทางขึ้นเขา
ซึ่งมีจุดชมวิวด้วย แต่ยังอีกไกล ไม่ไหวหล่ะ เดินวนกลับกันดีกว่า
เดินวนอ้อมมาอีกทางก็เห็นบรรยากาศดีๆของเมืองโทอิ เป็นเมืองเล็กๆแต่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว
แล้วเราก็เดินวกกลับมาที่ชายหาด ชายหาดที่นี่หาดทรายดำๆ แต่น้ำใส นักท่องเที่ยวมาเล่นน้ำกันเยอะแยะเลย ที่ญี่ปุ่นเวลาไปเที่ยวทะเลพวกเขาจะพกเต๊นท์ไปด้วยแล้วกางตามหาดแบบนี้
วันนี้ตอนมาถึงมีฝนตกปรอยๆ พอบ่ายๆอากาศก็แจ่มใสขึ้น และค่อนข้างร้อน เพื่อนๆเลยพากันไปเล่นน้ำกัน ส่วนผมนอนพักอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ คือ น้ำใสก็จริงแต่หาดดำไม่ค่อยน่าเล่นเท่าไร
เย็นๆมานั่งเล่นรับลมตรงนี้บรรยากาศดีเหมือนกันครับ ลมเย็นๆสบายๆ อุตส่าห์นั่งรอจะดูพระอาทิตย์ตก แต่พอพระอาทิตย์ใกล้จะตก มวลเมฆมหาศาลก็พัดผ่านมาปกคลุมหมด
มองเห็นแค่เพียงเส้นแสงที่ลอดผ่านออกมา เสียดายจัง ทริปนี้เรายังไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตกสวยๆเลย
เมื่อมองไม่เห็นก็กลับที่พักกันดีกว่าครับ ก่อนกลับมีแสงลอดออกมาให้เห็นชัดอีกนิด แล้วก็หายแว๊บไปเหมือนเดิม อดเห็นไข่แดงเลย
พอกลับถึงที่พักก็อาบน้ำอาบท่าแล้วออกไปหาอะไรทานกัน เดินมาเงียบมากนักท่องเที่ยวหายไปไหนกันหมด นี่มันเพิ่งจะหนึ่งทุ่มเอง ร้านอาหารก็ไม่ค่อยมี เดินมาเห็นร้านราเมงอยู่ร้านเดียว อย่างน้อยก็ได้ที่ฝากท้องกันแล้ว เข้าไปทานกันดีกว่า รสชาติอร่อยดีครับ....หลังจากทานเสร็จก็ไปนั่งเล่นที่ชายหาดกัน สักพักก็กลับที่พัก นอนลงอย่างหมดแรง ผ่านไปอีกหนึ่งวัน
พรุ่งนี้มาลุยกันต่อนะครับ ..............พรุ่งนี้เราจะไปกันที่...
.....ชิโมดะ.....
อย่าลืมติดตามชมกันต่อนะครับ
ขอบคุณครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น