++ ดอยอินทนนท์สุดฟ้า........... ซากุระตระการตาที่ขุนวาง (ตอนที่ 1) ++

      หลังจากกลับมาจากเขาช้างเผือกได้ไม่ถึงเดือน  เสียงกลองก็ดังรัวกึกก้องขึ้นในใจอีกครั้ง มันตะโกนเรียกร้องขอการเดินทางครั้งใหม่ แล้วจะนิ่งอย่างไรไหวหล่ะ ผมก็กระสับกระส่ายนะซิ โชคดีนะที่มีเพื่อนๆน้องๆเอ่ยปากอยากไปเที่ยวพอดี ผมก็เลยได้ทีรีบวางแผนกันว่าเราจะไปที่ไหนกันดี ในที่สุดก็ได้กำหนดวัน ช่วงกลางเดือนมกรา เราจะมุ่งหน้าสู่ดอยอินทนนท์ การเดินทางเริ่มต้นอีกครั้ง เมื่อหลังปีใหม่ 2554 เรื่องราวมากมาย  และหลายเหตุการณ์ที่กล้าทำ      กับความทรงจำที่ประทับใจ      ความสนุกสนานและมิตรภาพก็แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น การผจญภัยเริ่มต้นอีกแล้ว สิบสามชีวิตร่วมเดินทางสู่ดินแดนที่สูงที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่บนเทือกเขาธนนธงชัย กับความสูง ประมาณ 2565 เมตรจากระดับน้ำทะเล
                              
                         กับทริป     ดอยอินทนนท์สุดฟ้า ซากุระตระการตาที่ขุนวาง



หลังจากที่นั่งหลังขดหลังแข็งอยู่บนรถตู้แบบ 14 ที่นั่ง จากกรุงเทพฯมา เกือบ 9 ชั่วโมงในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงบริเวณที่จอดรถกิ่วแม่ปาน ตรง ก.ม.42 เวลาประมาณ 6.20 น. พอมาถึงความผิดหวังก็พุ่งปรี๊ดขึ้นในใจทันที ทำไมหมอกมันเต็มไปหมดอย่างนี้หล่ะ แล้วอย่างนี้จะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นที่ไหนหล่ะ พอรถจอดสนิทก็เปิดประตูเดินลงไปยืดเส้นยืดสาย   แต่ก็ต้องรีบวิ่งเข้าไปในคืนทันที       อากาศหนาวมาก  อุณหภูมิ ประมาณ 3-4 องศาเท่านั้น รีบหยิบเสื้อกันหนาว หมวก ผ้าพันคอ ถุงมือขึ้นมาสวมใส่ทันที แล้วค่อยลงไปใหม่ สายหมอกลอยปะทะกับใบหน้าชาไปหมด แล้วโปรแกรมเดินเที่ยวเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ที่เราจะไปเดินเที่ยวชมเช้านี้หล่ะ  เดี๋ยวหมอกก็จางหายไปหน่ารออีกนิด แหมยังมีความหวังอยู่ครับ เก้าโมงเช้าผ่านไปก็ยังไม่มีทีท่าว่าหมอกจะจางหายไป ก็เลยทำใจว่าอากาศวันนี้คงเป็นแบบนี้ทั้งวัน


พวกเราจึงตัดสินใจเดินไปเที่ยวชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ทั้งๆที่มีหมอกปกคลุมเต็มไปหมด บริเวณจุดชมน้ำตก ในช่วงที่มีหมอกปกคลุมเช่นนี้บรรยากาศดูวังเวงมากๆครับ


เดินผ่านไปประมาณ ครึ่งชั่วโมง พวกเราก็มาถึงบริเวณทุ่งหญ้า รักจัง ชื่อคุ้นไหมครับ ใช่ครับ เป็นที่ถ่ายทำภาพยนต์เรื่อง รักจัง ครับ ผมก็เลยเรียก ทุ่งหญ้ารักจังซะเลย จริงๆคนอื่นๆเขาก็คงเรียกเหมือนกันกับผมแหละผมว่านะ


หมอกไม่มีที่ท่าว่าจะสลายตัวเลยครับ นี่ขนาด 11 โมงกว่าแล้ว ก็เลยได้แต่ถ่ายรูปกันไปแบบหมอกจัดเต็ม


ถึงจะมองอะไรแทบจะไม่เห็นเลยพวกเราก็ยังสนุกได้ อยู่ท่ามกลางสายหมอกกับจุดชมวิว ที่มองเห็นแค่เพียงพวกเรากันเอง กระแสลมพัดรุนแรงมากบริเวณนี้ พัดจนน้ำค้างเกาะเต็มตัวจนเปียกชุ่มไปหมด


เดินกลับออกประมาณ เที่ยงกว่าๆเพราะว่าเริ่มจะหิวข้าวแล้วหล่ะ แต่พอเดินออกมาถึงบริเวณป้ายด้านหน้า ทั้งๆที่เหนื่อยกันครับ แต่ก็ยังมีแรงที่จะถ่ายรูปกับป้ายไว้สักหน่อย


ทานอาหารเที่ยงกันอย่างเอร็ดอร่อยกับเมนูสุดเด็ดแซ่บซ่า แล้วเราก็ไปตะลุยกันต่อที่ยอดดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดในประเทศไทย พอมาถึงก็ไม่รอช้าไปถ่ายรูปกันเร็ว 


มาถึงแล้วไม่มีรูปคู่กับป้ายเดี๋ยวเขาหาว่าเรามาไม่ถึงต้องไปถ่ายซักหน่อยแล้วหล่ะ  จริงๆแล้วผมมาที่นี่
เป็นครั้งที่4 แล้วนะ ครั้งแรกโบกรถมากับเพื่อน


ตรงนี้อีกสักช็อตหนึ่ง เป็นจุดตรงบริเวณเส้นศึกษาธรรมชาติ ใกล้กับพระเจดีย์ของเจ้าอินทรวิชยานนท์


เดินเที่ยวดอยแล้วพวกเราก็ตัดสินใจว่าไม่แวะพระเจดีย์ใหญ่      เพราะหมอกยังคงเต็มไปหมดมองไม่เห็นอะไรเลย พวกเราจึงมุ่งหน้ากลับที่พักกัน ต้องนั่งรถย้อนกลับมาที่ทำการอุทยานแล้วเลี้ยวเข้าไปอีกสิบหกกิโลเมตร ที่พักของเราในค่ำคืนนี้คือที่สถานีวิจัยเกษตรที่สูงขุนวาง


พอเดินทางมาถึงพวกเราก็ไม่รอช้ารีบเก็บข้าวของแล้วไปเดินเล่นกัน ที่นี่มีต้นซากุระเต็มไปหมดและกำลังเบ่งบานอย่างสวยงาม


จากที่พักเดินมาได้ประมาณ 100 เมตรก็เจอกับถนนเส้นนี้ที่มีต้นซากุระขึ้นริมทางสวยมาก พอเดินมาถึง เราก็ได้เจอกับรถเบนซ์คว่ำอยู่ข้างทาง เหตุเพิ่งเกิดสดๆร้อนๆเลย มีคนบอกว่าพี่แกจอดไว้แล้วลืมเบรคมือ รถเลยลื่นไถลไปชนคันดินริมทางแล้วพลิกคว่ำ ดีนะที่ไม่มีคนอยู่ในนั้น ตอนเกิดเหตุ


เราเดินถ่ายรูปกันเล่นอย่างสนุกสนานไปตามจุดต่างๆที่มีต้นซากุระเต็มไปหมดทุกจุด


พอเริ่มเหนื่อย พวกเราก็พากันเดินกลับ แต่ทางเดิมมันไกลมาก  พอมองไปเห็นเส้นทางเล็กๆข้างทางคล้าย เป็นทางของชาวบ้าน พวกเราก็ตัดสินใจจตะเดินไปทางนี้กัน โดยผมจะเดินไปสำรวจก่อน ในที่สุดมันก็เป็นทางลัดจริงๆ   แต่ก็สมบุกสมบันเล็กน้อยเพราะต้องเดินลอดต้นไม้กวาด    ไปตามทางเล็กๆ และเดินลงจากเนินดินที่ลื่น ที่ต้องระมัดระวัง 


ก่อนจะถึงที่พัก พวกเราก็แวะไปชมไร่สตรอเบอรี่ที่สักหน่อย แล้วก็เก็บมาชิมแบบสดๆในไร่กันเลยทีเดียว มันหวานมาก สตอเบอรี่สดๆในไร่มันอร่อยจริงๆ


แล้วพวกเราก็เดินกันกลับเต๊นท์ที่พัก พอใกล้ถึงที่พักท้องฟ้าเริ่มเปิดมีแสงส่องน่าเสียดายจริงๆทำไมตอนเราอยู่บนยอดดอยมันไม่เปิดอย่างนี้นะ ไม่งั้นเราคงได้เห็นภาพสวยๆของกิ่วแม่ปานแน่ๆ


อาบน้ำทานข้าวเสร็จ พวกเราก็ไปนั่งรอบกองไฟ จิบชา กาแฟ และปิ้งขนมปังกินกัน อร่อยมากๆ แล้วก็นั่งชมดาวกันอย่างเพลิดเพลิน ประมาณสองทุ่มกว่าๆ ทุกคนก็ไม่ไหว อากาศมันหนาวมาก แล้วก็เหนื่อยเพลียมากด้วย จึงรีบเข้านอนกัน  ตื่นเช้าประมาณตีห้า พวกเราก็รีบลุกขึ้นเพื่อมาคอยดูพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดเดิมที่เรามาเดินถ่ายรูปกันเมื่อวานเย็น  


ศาลาสุดคลาสสิก ของดอยขุนวาง มองแล้วเหมือนว่าเรากำลังไปเที่ยวญี่ปุ่นหรือไม่ก็เกาหลีเชียว ท้องฟ้าเริ่มมีสีแดงแต่งแต้ม ดวงอาทิตย์กำลังจะขึ้นในไม่ช้า


ต้นซากุระต้นนี้สวยมากและออกดอกเยอะดีกำลังบานสะพรั่ง พวกเราจึงกรูกันเข้าไปถ่ายรูป แต่ละคนไม่มีใครยอมใครเลยจริงๆ


จึงถ่ายรูปแบบใกล้ๆ ของดอกซากุระ มาอีกสักหนึ่งภาพ ดอกซากุระมีหลายชื่อ บางคนเรียกว่าดอกนางพญาเสือโคร่ง ดอกชมพูพันทิพย์


พี่คนรถ ขับมารับแล้วแต่ว่ายังอยากได้อีกสักรูปแล้วลองเปลี่ยนเลนส์ดูหน่อยซิ พี่นา หนึ่งในสมาชิกของเราถูกล้อตลอดว่าเป็นหมีขาวมาจากขั้วโลกเหนือ เพราะว่าทั้งหมวก ทั้งเสื้อ และท่ามือ เหมือนเป๊ะ


                      หลังจากนั้นก็ขอถ่ายภาพเดี่ยวไว้สักใบแล้วกัน มุมนี้มันคลาสสิคดี


แปดโมงกว่าๆ พวกเรากลับมาที่เต๊นท์ที่พักแล้วก็ไปเก็บของล้างหน้าล้างตากัน แล้วไปทานข้าวที่เราสั่งให้ทางศูนย์ช่วยจัดเตรียมไว้ให้ เช้านี้เป็นข้าวต้ม และกาแฟ โอวัลติน    อ๋อลืมบอกไปเราเช่าเต๊นท์ของสถานีวิจัยหลังละ 300 บาท 3 หลัง สบายไม่ต้องเก็บเต๊นท์กัน


หลังจากทานข้าวเสร็จ พวกเราก็รีบออกเดินทางทันที เพราะวันนี้ยังมีโปรแกรมอีกเยอะทีเดียว    พอรถตู้ของเราแล่นออกไปได้ประมาณ   6 ก.ม.  ก็มีเหตุให้พวกเราต้องเลี้ยวกลับเพราะว่าพี่โจ    หนึ่งในสมาชิกของเราลืมแลกบัตรประชาชนคืนจากศูนย์วิจัย     พอได้บัตรประชาชนแล้วพวกเราก็มุ่งต่อไป     การเดินทางระหว่างขุนวางกับอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์เป็นอะไรที่ยาวนานมาก  มันทำให้ผมกระสับกระส่ายในใจเฝ้าครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาที่ทอดสายตามองออกไปที่วิวด้านข้างถนน   "ทำยังไงดีน๊า " แล้วในที่สุด ผมก็ตัดสินใจ

อินทนนท์สุดฟ้าไกลในสยาม         ซากุระงามเบ่งบานต้านลมหนาว
ชมพูปลั่งบนสองฝั่งเส้นทางที่ทอดยาว   สร้างเรื่องราวเรื่องใหม่ให้ตนเอง
สิบสองชีวิตร่วมเดินทางบากบั่น   ฝ่าความหนาวสั่นในฤดูแห่งเสียงเพลง
สายลมหวีดใบไม้หวิวร่วมบรรเลง  สร้างบทเพลง "ความทรงจำทริปของเรา"

ติดตามเรื่องราวกันต่อได้ในตอนหน้านะครับ 





ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ติดตาม


สวัสดีครับ


พลเอก........










ความคิดเห็น

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  2. (*-*)/สู้ๆๆ^-^/ฝานหั้ยกัยปัยหั้ยถึง*-*สู้ๆๆ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ16 มีนาคม 2554 เวลา 21:24

    สวยหล่อทุกคนเลยนะ...แหมแต่ละคนอย่างกับอยู่ต่างประเทศ
    ทำไมเราไม้ได้ไปด้วยน้า...น่าเสียดาย
    ดอกไม้สวยมาก ขออวยนิดนึง เจ้าของบล็อกนี้ดูดีที่สุดอิอิ
    ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวดีๆให้ได้อ่านและได้ชมนะคะ
    ---------------fighting--------

    ตอบลบ
  4. พี่นา
    ว้าวๆๆ สวยสุดไปเลย... ทริปนี้โชคดีเป็นบ้าเจอหมีด้วย !!555
    พี่โจ
    โชคดีที่ไม่เจอความสูง หนาวอย่างที่ต้องการ ขอบคุณไก๊ด์เอก
    ที่ทำให้โลกมันกว้างขึ้นเยอะ
    อย่าลืมทะเล ระนองงงงงงงงงงง
    แล้วเจอกัน พี่น้องชาวไทย

    ตอบลบ
  5. เอาไปเต็มร้อยแลยอุ๊ ระนองอย่าพลาดนะ เจอกันพี่โจนา

    ตอบลบ
  6. ประทับใจภาพดอกซากุระมากมาย.....
    เห็นกี่ทีก็อดชื่นชมไม่ได้^^
    ความดีทั้งหมดนี้ขอยกให้...ธรรมชาติผู้สร้างสรรค์
    ...และ...ช่างภาพผู้ถ่ายทอด!!!!!!

    ตอบลบ
  7. เหมือนไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นเลยอะ ที่ไหนได้มันอยู่ที่บ้านเรานี่เอง Cool!!!

    ตอบลบ
  8. แม่....แบงค์ดูบอกว่า...ญี่ปุ่นหรอ...555+

    ตอบลบ
  9. อืม แม่แบ๊งค์นเตอร์ว่ะ คิดเหมือนกันเลย พี่ก็ว่าเหมือนนะ 555+

    ตอบลบ
  10. ไปเที่ยวเชียงใหม่ครั้งนี้ไม่ผิดหวังเลยค่ะเหมือนไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นเลยอ่ะ
    บรรยากาศที่เชียงใหม่สุดยอดไปเลยค้ะ พูดแล้วยังกลัวอากาศที่หนาวๆๆๆๆๆๆๆๆมากๆๆๆๆๆๆๆจนตัวแทบแข็งตายอ่ะ อิอิ
    ใครได้ไปแล้วจะติดใจดอกซากุระมากค่ะ ช่างสวยงามจริงๆค่ะ

    ......ไปแล้วจะติดใจค่ะ........

    ตอบลบ
  11. ...........

    ยะ ฮู้ เย้ ๆ ๆ ๆ

    ทริปนิมีเราด้วย

    สนุกสนานมากมาย

    ปายแย้วม่ายผิดหวัง

    ติดจัยเรยอ่ะ..ช๊อบ ชอบ

    ตอบลบ
  12. โอ้..โฮ!

    ในที่สุดก็มีเราที่เปงหนึ่งในนั้นด้วย
    ปลื้มใจสุดๆเยย...

    ดอยอินทนนทร์หรือญี่ปุ่นกันหนอ อิ_อิ

    ตอบลบ
  13. ไม่ระบุชื่อ8 สิงหาคม 2555 เวลา 10:51

    ตอนนี้ที่ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์ วิวสวยมากเลย

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

5 สวนดอกไม้ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น (ที่ไม่ไกลจาก Tokyo)

Trip in Japan : เที่ยวกำแพงหิมะ เมืองโทยามะ ตอน ดินแดนฮาโตริ เมืองฮิมิ กำแพงหิมะบนอัลไพท์รูท (Himi Tateyama)

Trip in japan : kamikochi คามิโคจิ ความงดงามที่ซุกซ่อนอยู่ใจกลางเจแปนแอลป์ (Matsumoto)