++ บนเส้นทางสันคมมีด เสียวสุดขีดสู่.................ช้างเผือก ++

เขาช้างเผือกชื่อนี้ได้ยินมานานแล้วครับ แต่ก็เพิ่งจะมีโอกาสได้เดินทางไปครับ  หลังจากที่พยายามเฟ๊นส์หาสมาชิกร่วมทริป กัน แล้ว   ในที่สุดก็ได้มาทั้งหมด 11 คน    เป็นเพื่อนใหม่ที่ผมไม่รู้จัก 3 คน  คือน้องกอร์ฟ น้องปอ และก็พี่แฮโรว์ ซึ่งเป็นชาว   ต่างชาติคนเดียวในกลุ่มของเราครับ นอกนั้นก็เป็นเพื่อนเก่าๆ  และพี่ของผมเองครับ มี  แหม่ม สั้น พี่ก็อก พี่เจี๊ยบ  พี่อัต  อารี  พี่วิน หลังจากแวะรับสมาชิกครบแล้วเรา ก็มุ่งหน้าสู่อำเภอทองผาภูมิ   จังหวัดกาญจนบุรีทันที


ใช้เวลาในการเดินทางมาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิประมาณ ตีสี่กว่าๆครับ พวกเราก็นอนกันต่อในรถ แล้วรุ่งเช้าพวกเราก็ลุกขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นกัน วันนี้ลมแรงมากครับพัดจนหัวฟูไปหมด


พี่ก็อคหนึ่งในสมาชิกของเรากำลังถ่ายรูปให้กับพี่นักท่องเที่ยวคนหนึ่งที่เดินทางมาเที่ยวคนเดียวโอ๊ว พี่เขาใจมากครับ ขับรถมาเที่ยวคนเดียวเลย


พอมาถึงที่ปิ๊ล็อกเราก็เดินไปสั่งอาหารเช้ากินกันครับ มาที่นี่ก็ต้องสั่งที่นี่เลยครับ ร้านน้องหน่อย อันที่จริงถ้าใครรีบผมเห็นมีร้านอื่นๆด้วยนะครับ


ที่ทำการไปรษณีย์ประจำปิ๊ล็อก เก๋ดีครับ เลยถ่ายรูปเก็บไว้ มันตั้งอยู่ตรงข้ามกับร้านน้องหน่อยครับ



หลังจากทานข้าวเสร็จก็ได้เวลาออกเดินทางกันแล้วครับ พวกเรา


ในช่วงแรกๆ เราต้องเดินผ่านหมู่บ้านขึ้นไปก่อนครับ แดดร้อนมากๆเลยครับ


หลังจากขึ้นมาจากหมู่บ้านก็จะถึงลานกว้างๆของโรงเรียนปิ๊ล็อกครับ เด็กๆมองเราเต็มไปหมดครับ


หลังจากพ้นเขตของหมู่บ้านแล้วเราก็เริ่มเดินเข้าไปในป่า มีข้ามลำธารบ้างครับ ช่วงที่ข้ามลำธาร น้องกอร์ฟก็โดนหญ้าบาดนิ้วเลือดไหลซิบๆเลยครับ


ช่วงที่เดินผ่านบริเวณไหล่เขามุมหนึ่ง ไม่รู้ว่าเราเดินขึ้นเขากันมากี่ลูกแล้ว


ในที่สุดเราก็มาถึงเขาลูกสุดท้ายก่อนที่จะถึงที่พักกางเต๊นท์กัน  เพื่อนบางคนเดินนำหน้าไปแล้วครับ การเดินขึ้นเขาช้างเผือกสบายๆครับ แต่ที่ทำให้เหนื่อยมากก็คือแดดที่ร้อนระอุนี่แหละครับ เพราะส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้าเลยไม่มีที่หลบแดดเท่าไหร่


ประมาณ บ่ายสองโมงกว่าๆเราก็มาถึงที่พักกัน พี่ๆลูกหาบก็รีบกางเต๊นท์ให้พวกเราทันที พวกเราก็เอาผ้าใบมาปูแล้วนั่งนอนเล่นพักเหนื่อยกัน บางคนถึงกับหลับไปเลยครับด้วยความเพลียจากการเดินทางตั้งแต่เมื่อคืนแล้วด้วย


ช่วงสี่โมงเย็นก็ได้เวลาที่พวกเราจะไปปีนเพื่อพิชิตเขาช้างเผือกกันแล้ว  จากจุดกางเต๊นท์เราต้องปีนป่ายขึ้นไปกันอีกครับ และเส้นทางจากนี้ชันมากกว่าตอนขึ้นมาอีกครับ และยังมีสันคมมีดซึ่งเป็นจุดที่น่าหวาดเสียวที่สุดของการเดินทางขึ้นเขาช้างเผือกครับ เป็นสันเขาเล็กๆที่เดินได้เพียงที่ละคนครับ


พี่สาวคนเก่งของผมหลังที่ปีนพิชิตจุดสันคมมีดได้แล้วก็ทำท่าดีใจใหญ่แต่หลังจากนี้เส้นทางที่น่าหวาดเสียวยังมีอยู่ครับ เพียงแต่ไม่ต้องปีน มีจุดเดียวเท่านั้นครับที่ต้องปีนขึ้นไป


บางจุดบนสันคมมีด ที่น่าหวาดเสียว เวลาเดินห้ามเหม่อลอยเด็ดขาดครับ เพราะถ้าพลาดแล้วหล่ะก็ ตีนเขาเลยนะครับ ถือว่าจุดนี้เป็นสุดแบ่งระหว่างใจกับ ยอดเขาช้างเผือกครับ


พอเดินขึ้นมาถึงจุดสูงสุดของเขาช้างเผือก ที่ความสูง 1249 เมตรจากระดับน้ำทะเล สดชื่นมากเลยครับ จากจุดๆ นี้สามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศาเลย ครับ


ทุ่งหญ้ายังคงมีสีเขียวอยู่บ้างแม้บางจุดจะเริ่มแห้งตายบ้างแล้ว พระอาทิตย์ที่ส่องแสงจ้า
กำลังจะตกแล้วครับ


สองช่างภาพที่เดินทางไปกับพวกเรา น้องปอกับน้องกอร์ฟ และต้องขอบคุณทั้งสองด้วยนะครับ สำหรับบางภาพที่ผมนำเอามาประกอบในครั้งนี้


มุมสุดคลาสสิคของเขาช้างเผือก เวลามองจากที่ทำการอุทยานจะเห็นยอดดอยนี้สูงกว่า
ยอดเขาช้างเผือกครับ แต่พอมองจากจุดนี้ มันเตี้ยกว่าจริงๆครับ


จากจุดนี้เราสามารถมองเห็นเขื่อนเขาแหลมที่ห่างออกไปได้อย่างชัดเจนเลยครับ และก็ยังสามารถมองเห็นทะเลอันดามันได้ด้วยหากท้องฟ้าแจ่มใสนะครับ


แสงอาทิตย์ส่องสาดกระทบกับทุ่งหญ้าอีกด้านของเขาช้างเผือก ด้านล่างมองเห็นแม่น้ำปิ๊ล็อกด้วยครับ


ผมกับแหม่มเลยขอถ่ายรูปคู่กันเก็บไว้ด้วยครับ ช่วงเวลาแบบนี้มุมนี้สวยมากครับ แสงส่องทุ่งหญ้า
เป็นสีทองเลย


พระอาทิตย์กำลังจะตกแล้วครับผู้คนเริ่มทยอยเดินลงไปแล้วครับ แฮโรว์ขอตัวเดินกลับลงไปก่อน
แต่ผมบอกว่าเดี๋ยวตามไปทีหลังครับ เลยให้พี่เจ้าหน้าที่ไปส่ง ผมจะรอเดินเป็นคนสุดท้าย


ยังไม่อยากกลับลงไปเลยครับ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะว่าทางมันอันตรายหล่ะก็จะอยู่ต่อจนมืดเลยครับ


เพื่อนๆเดินไปไกลมากแล้วผมยังอยู่คนเดียว รีบตามไปหน่อยดีกว่า เดี๋ยวพวกเขาจะเป็นห่วงกัน


ช่วงที่เดินต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากครับ เพราะทางชันมาก และอีกอย่างที่ทำให้ห่วงมากหน่อย
ก็เพราะถือกล้องนี่แหละครับ กลัว ลื่นล้มแล้วกล้องกระแทกพังหมด


พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วครับ อีกไม่กี่นาทีท้องฟ้าก็จะมืดมิดสนิทครับ แล้วนี่เรายังเดินไปไม่ถึงไหนเลยครับ


กำลังจะเดินบนสันคมมีด เห็นเพื่อนๆยกมือเรียกก็เลยให้ทำท่าถ่ายรูปไว้ด้วย มุมนี้ก็สวยดี  อ้อลืมเล่าเรื่องน้องหมาครับ น้องหมาที่นี่แสนรู้มากครับ คอยเป็นคนนำทางเราขึ้นเขาช้างเผือก     เวลาลงมันก็จะรอคนกลับลงไปจนหมดมันถึงจะลงตามครับ ถ้ายังเห็นคนตามหลังมันจะหยุดรอด้วยครับ  น่ารักที่สุดครับ แถมยังเดินมาส่งเราเกือบถึงข้างล่างครับ พอเจอกรุ๊ปใหม่ก็ย้อนกลับขึ้นไปครับ


ช่วงที่กำลังเดินอยู่บนสันคมมีดคนเดียว กับท้องฟ้าที่กำลังมืด เพื่อนๆเดินกันไปไกลแล้ว เราต้องรีบหน่อยแล้วหล่ะ ก็เลยเร่งฝีเท้าเดินอย่างเร็วครับ แต่ต้องระมัดระวังด้วยนะครับ มืดๆแบบนี้มองทางไม่ค่อยเห็น เดี๋ยวจะพลาดตกลงไปครับ


ในที่สุดก็เดินตามเพื่อนๆทัน ตรงจุดสันคมมีดที่ต้องปีนลงครับ แฮโรว์เห็นเรายังไม่ลงมาสักทีเป็นห่วงก็เลยเดินกลับขึ้นมาตามหาครับ เจอกันตรงนี้พอดี กว่าเราจะเดินลงมาถึงที่พักก็ประมาณ 19.25 น. ท้องฟ้ามืดมิดไปหมดเลยครับ แต่ทว่าดวงดาวสวยงามมากเลยครับ พราวเต็มท้องฟ้าไปหมด   พวกเราทำอาหารทานกันอย่างเอร็ดอร่อยเลยทีเดียว


เมื่อคืนลมพัดแรงมากเลยครับ พัดจนสมอเต๊นท์หลุดเลย ผมนอนอยู่บนผ้าใบข้างนอกเต๊นท์คนเดียวได้บรรยากาศดีมากเลยครับ ลมพัดแรงทั้งคืนเลยครับ ตอนเช้าก็ยังพัดไม่หยุด แต่มันสดชื่นมากเลยครับ ลมพัดแรงแบบนี้ชอบมากๆครับ


ถ่ายรูปคณะเดินทางของเราหน่อยครับ ก่อนที่จะเดินกลับลงมากัน พร้อมหน้าพร้อมตากันครับ


ช่วงที่กำลังเดินลงกันครับ ลมยังคงพัดแรงไม่หยุด ทุ่งหญ้าพริ้วไหวตามสายลม กลุ่มของพวกเราเดินลงมาเป็นกลุ่มแรกเลยครับ


หลังจากเดินกลับลงมาจากเขาช้างเผือกแล้ว พวกเราก็แวะไปเที่ยวกันต่อที่เนินช้างศึกท้องฟ้าแจ่มใสมากครับ รูปนี้ต้องขอบคุณน้องกอร์ฟด้วยนะครับ


ก่อนที่จะเดินกลับมาขึ้นรถ ก็มองไปเห็นป้ายตั้งอยู่ที่ริมผาก็เลยวิ่งไปถ่ายรูปกันครับ ผมก็เลยดึง
พี่แฮโรว์ไปถ่ายด้วยกัน


หลังจากนั้นเราก็ไปเที่ยวกันต่อที่ น้ำตกจ็อกกระดิ่นครับ พวกเราได้อาศัยรถกระบะของพี่ที่พบกันตั้งแต่เมื่อวานที่เขามาคนเดียว เข้าไปเที่ยวครับ ต้องขอบคุณพี่เขามากๆเลยครับ


พอกลับมาจากเที่ยวน้ำตกและเล่นน้ำกันแล้ว ก็ถึงเวลาที่พวกเราต้องมุ่งหน้ากลับกรุงเทพแล้วครับ
ระหว่างทางเราก็แวะเที่ยวจุดชมวิว และเขื่อนเขาแหลมกันก่อน


เขาช้างเผือกดินแดนที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าบนยอดเขา   ความสวยงามปรากฎอยู่ท่ามกลางพงไพร
สูงเด่นเป็นปราการเหนือขุนเขาที่รายล้อมทั้งน้อยใหญ่   สันวัดใจกั้นกลางระหว่างคนและยอดดอย

ปิดท้ายทริปการเดินทางของ...บนเส้นทางสันคมมีด เสียวสุดขีดสู่...ช้างเผือก
ด้วยภาพมุมคลาสสิค..ครับ

สวัสดีครับ....

พลเอก........



ความคิดเห็น

  1. ไม่ระบุชื่อ23 มีนาคม 2554 เวลา 01:45

    อยากบอกว่า อยากเป็นอีกคนที่ไปยืนบนระเบียงตรงนั้น นี่เหรอะเขาช้างเผือก เกิดมาก็เพิ่งได้เจอ(ในภาพ)มันก็สวยอย่างนี้นี่เอก กว่าจะขึ้นไปได้คง....ต้องใช้ความพยายามอย่างมากใช่มั้ย แต่ก็คุ้มกับสิ่งที่รออยู่
    ทริปนี้...ก็น่าเที่ยวอีกแล้ว
    ...............5555............

    ตอบลบ
  2. ไปกันคราวหน้า.....ต้องมีอีกแน่ๆ

    ตอบลบ
  3. สวย งาม มาก มาย เรย เร้ย อ่ะ

    บรรยากาศ ซู๊ดยอด.......

    ตอบลบ
  4. อุ๊ย!

    ได้ไต่เชือกขึ้นเขากันด้วย
    น่าหนุกอ่ะ

    บรรยากาศสุดๆเลย

    ตอบลบ
  5. อยากปืนหน้าผาจังเลย น่าหนุกอ่ะ


    อยากไปเดินทางที่แสนพิเศษอย่างนี้จัง

    ตอบลบ
  6. โห.....ไต่เชือกขึ้นเขาน่ากลัวมาก แต่ก็น่าสนุกนะคะ

    ตอบลบ
  7. ภาพสวยมากๆ น่าไปที่สุด

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณครับ ต้องลองหาโอกาสไปสักครั้งนะครับ

    ตอบลบ
  9. ไม่ระบุชื่อ7 เมษายน 2556 เวลา 20:02

    สวยจังเลยไปเที่ยวที่ไหนมาเนี่ย

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เขาช้างเผือกกาญจนบุรีครับ

      ลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

5 สวนดอกไม้ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น (ที่ไม่ไกลจาก Tokyo)

Trip in japan : kamikochi คามิโคจิ ความงดงามที่ซุกซ่อนอยู่ใจกลางเจแปนแอลป์ (Matsumoto)

Zao Snow Monsters ทุ่งปีศาจหิมะที่ซาโอะ