++ ดอยม่อนจอง............ เธอคือความงามยามรุ่งอรุณ ++

การเดินทางครั้งเมื่อนานมาแล้ว  กับความทรงจำเก่าๆที่ยังจดจำ  อาจลืมเลือนหายไปบ้างในบางรายละเอียด แต่ก็ยังมีเรื่องราวที่ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ ก็ไม่มีวันเลือนหายไปจากใจ อันที่จริงก็ไม่นานมากหรอกครับเมื่อปลายปี 2551 นี้เอง การเดินทางของผมในครั้งนี้ เริ่มต้นด้วยสมาชิกกันสามคน มีผม แหม่ม และสั้น เราสามคนนัดแนะกันว่าจะไปเที่ยวดอยม่อนจองกันหลังจากที่ได้ยินเรื่องราวมานาน  และแล้วการเดินทางของพวกเราในครั้งนั้น ก็เริ่มต้นขึ้น หลังจากที่ได้ข้อสรุปต่างๆ  เกี่ยวกับวันหยุด  พวกเราออกเดินทางด้วยการนั่งรถทัวร์จากกรุงเทพไปเชียงใหม่


พอถึงเชียงใหม่ประมาณ 06.00 น.เราก็หาอะไรทานกันเล็กน้อย แล้วเดินทางออกไปโบกรถกันครับ เราใช้เวลาในการโบกรถไม่นานเราก็ได้รถ   เราโบกรถกันสามต่อกว่าจะถึงอำเภออมก๋อย   ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาที่ห่างไกลครับ  อันที่จริงถ้าใครจะไปสามารถนั่งรถไปลงที่อำเภอฮอดก็ได้นะครับจะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา 


ทีแรกนึกว่าดอยม่อนจองอยู่ไม่ไกลจากอำเภออมก๋อยที่ไหนได้ยังต้องไปอีกตั้งไกลแหนะ  จากอำเภออมก๋อยเราต้องโบกรถกันไปต่อตั้ง 40 กว่ากิโลเมตรครับกว่าจะไปถึง หน่วยมูเซอ ก็เกือบบ่ายสองโมงแล้ว โชคดีครับ   ที่พี่เขารอเรามีสมาชิกที่จะร่วมหารค่ารถเพื่อไปส่งยังจุดที่จะเดินขึ้นดอยม่อนจองอีกสองคนครับ หลังจากนั้นเราก็รีบเดินทางทันทีครับ เดี๋ยวจะค่ำซะก่อน


พวกเราก็เดินกันไปครับ จ้างลูกหาบแบกของด้วยแต่พวกเราก็ต้องแบกของเองด้วยครับ ลุงแกแข็งแรงมากเลยครับช่วงที่หยุดพักเหนื่อยจึงขอถ่ายรูปกับลุงสักหน่อย


เราเดินมาใกล้จะถึงแล้วครับพี่สองคนที่มาด้วยกันจำชื่อไม่ได้แล้วครับ ขอโทษที เราถึงบริเวณที่เป็นทุ่งหญ้าแล้วครับ ใกล้จะถึงแล้วเต็มที  ที่นี่เป็นจุดพักจุดสุดท้ายที่เราจะเดินถึงที่กางเต๊นท์ครับ


เราไปถึงประมาณ 17.35 น. อุตส่าห์ว่าจะได้ดูพระอาทิตย์ตกซะหน่อยอดเลยครับ หมอกหนามากมองไปทางไหนก็ไม่เห็นอะไรเลยครับ     เราเลยตัดใจไปนอนพักกันดีกว่า   ค่ำคืนที่เหน็บหนาวคืนนี้    อุณหภูมิประมาณ 10 องศา ครับ ก่อนจะหลับในค่ำคืนนี้ ผมก็มีความหวังอยากจะดูดาวครับ ซึ่งจากจุดกางเต็นท์ต้องเดินขึ้นมาประมาณ 150 เมตร แล้วก็ไม่ผิดหวังอย่างที่ตั้งใจครับดาวสวยมากเลย ผมมีเจ้าหน้าที่และพี่อีกคนหนึ่งที่นั่งรถมาด้วยกันขึ้นมาเป็นเพื่อนครับ  เรานอนบนพื้นหญ้าเพื่อดูดาวกันนานเหมือนกันครับก่อนจะกลับลงไปนอน


ตอนเช้าเวลาประมาณ 04.30  น.   พวกเราก็ลุกขึ้นตื่นเพื่อเตรียมตัวขึ้นไปเดินชมวิวด้านบนกัน   เช้านี้ไม่ผิดหวังแล้วครับ  นึกว่าจะมีแต่หมอกเหมือนเมื่อวาน ที่ทำให้คิดอย่างนั้นก็เพราะว่าเมื่อคืนหลังจาก ที่ได้ดูดาวอยู่พักใหญ่สายหมอกก็เข้าปกคลุมไปทั่วเช่นเดิมเราจึงได้กลับลงมานอนครับ


เช้านี้ที่ม่อนจองสวยมากมายครับ  ผาหัวสิงห์ตั้งเด่นตระหง่านอยู่ที่ปลายฟ้า สายหมอกรายล้อม 360 องศา แสงสีจากดวงอาทิตย์สาดส่องผืนฟ้าสวยงามตางามจับใจเลยครับ


หลังจากที่ยืนนิ่งสัมผัสกับบรรยากาศและความงามยามเช้า   แล้วเราก็เดินไปที่ผาหัวสิงห์กันครับ   วันนี้พี่อ้วน ที่มาด้วยกันไม่ไปกับเราครับ พี่แกเหนื่อยแกก็เลยขอรออยู่ที่นี่   เราสามคนกับพี่อีกคนหนึ่งจึงพากันเดินไปที่ผาหัวสิงห์กัน


ทุ่งดอกไม้เล็กน้อยที่ขึ้นระหว่างทางเดินไปผาหัวสิงห์ครับ มองย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นมุมด้านบนครับ เราเดินมาได้ไกลแล้วเหมือนกันครับ


ระหว่างทางที่เดินขึ้นผาหัวสิงห์พระอาทิตย์ก็โผล่ขึ้นมาแล้วครับ แสงสีของท้องฟ้าสวยดีครับ


พระอาทิตย์โผล่มาแล้วจะขอลองจับดูสักหน่อยครับว่ามันจะร้อนขนาดไหนกัน


ต้นไม้ต้นนี้สวยดีครับ ขึ้นโดดเด่นอยู่ต้นเดียว


ทะเลหมอกแม้จะอยู่ห่างไปสักหน่อยแต่ว่าสวยงามมากครับ นี่ถ้าหมอกไม่บังพี่เจ้าหน้าที่บอกว่าสามารถมองเห็น ทะเลสาบของเขื่อนภูมิพลได้เลยครับ


อีกมุมมองครับ พระอาทิตย์เริ่มสูงขึ้นแล้ว ท้องฟ้าที่เป็นสีแดงก็เริ่มจางหายไปหมดแล้วครับ


มองดูแล้วเหมือนคลื่นทะเลกำลังลอยพัดเข้าสู่ขุนเขาเลยครับ ทะเลหมอกกำลังเคลื่อนตัวอย่างช้าๆครับ


ผมเดินทิ้งห่างแหม่มกับสั้นและพี่อีกคนมาก่อนเพราะอยากจะมานั่งดูอีกมุมมองหนึ่ง และก็สวยครับ มองมุมไหนก็สวยไปหมดเลยครับ


และแล้วในที่สุดเราก็เดินขึ้นมาถึงครับ ยอดผาหัวสิงห์จุดที่สูงที่สุดของดอยม่อนจองดอยม่อนจองสูงประมาณ 1929 เมตรจากระดับน้ำทะเลครับ


 ผมเดินขึ้นมาถึงคนแรกครับ แล้วก็ตามด้วยแหม่ม สั้น และพี่อีกคนครับจุดสูงสุดของดอยม่อนจอง
ยอดผาหัวสิงห์


มาถึงแล้วก็ไม่รอช้าต้องไปถ่ายรูปเก็บไว้หน่อย ที่นี่ยังมีดอกกุหลายพันปีด้วยนะครับ แต่ตอนที่เราไป
ดอกยังบานไม่เยอะครับและที่นี่ก็ยังขึ้นชื่อในเรื่องของการมาดูม้าเทวดา หรือว่ากวางผานั่นเองครับ
แต่เราไม่โชคดีครับเลยไม่ได้เห็นเลย


จากจุดสูงสุดบนยอดดอย  สามารถมองเห็นได้  360  องศาเลยครับ   หันมองไปทางไหนก็เห็นแต่ทะเลหมอกเต็มไปหมด พวกเราใช้เวลาในการนั่งซึมซับบรรยากาศอยู่นานเลยครับ เกือบ 10.00 น. เราถึงได้   เดินลงจากยอดดอยครับ


หลังจากที่เดินกลับลงมาจากดอยม่อนจองแล้ว ที่จริงเรายังไม่มีโปรแกรมกันต่อเลยครับ พอดีพี่ที่ไปด้วยกันเขาจะแวะเอาของไปบริจาคที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งและจะไปนอนที่ห้วยจิโน ซึ่งเราไม่เคยรู้จักมาก่อนก็เลยตัดสินใจขอไปกับพี่เขาด้วย เย้... พวกเราจะได้ไปรู้จักห้วยจิโนกันแล้ว   เป็นเส้นทางใหม่ที่เป็นถนนลูกรังตลอดทางเลยครับ   ระยะทางจากอำเภออมก๋อยประมาณ  35  กม . แล้วในที่สุดก็มาถึงห้วยจิโนในตอนใกล้ค่ำครับ  ภาพนี้เป็นภาพตอนเช้าครับ  จากจุดนี้สามารถมองเห็นดอยม่อนจองไกลลิบเลยครับ  ที่เห็นปลายแหลมๆตรงนั้นเลยครับ


     ภาพที่ตั้งของหน่วยจัดการต้นน้ำห้วยจิโนครับ  ด้านล่างตรงบริเวณที่มีหมอกปกคลุมจะเป็น อำเภออมก๋อย ครับตรงนี้ถ่ายจากบริเวณใกล้ที่กางเต๊นท์ครับ


อีกมุมที่ถ่ายจากเต๊นท์นอนครับ หมอกเริ่มลอยสูงขึ้นมาแล้วครับ


แต่ภารกิจของพวกเรายังไม่จบครับ วันนี้เราจะเข้าไปแจกของบริจาคกับพี่เขาด้วย และในวันนี้เราก็มีอีกคณะหนึ่ง ที่เขาตั้งใจมาแจกของบริจาคเหมือนกันครับ     พวกเราเลยได้ไปกลุ่มใหญ่เลยครับพี่อ้วน          กำลังนั่งรอสมาชิกอยู่ครับ


จุดแวะพักเพื่อรอเจ้าหน้าที่อีกคน   ที่นี่เป็นหมู่บ้านระหว่างทางที่เราจะไปครับ  เรายังไม่ถึงจุดหมายครับจากที่ทำการหน่วยจัดการต้นน้ำไปยังหมู่บ้านจุดหมายไกลออกไปราว 30 กม.ครับ


พอเจ้าหน้าที่มาแล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อครับเส้นทางยังอีกไกลครับ เราต้องขับรถขึ้นเขาลงห้วยหลายต่อหลายครั้งครับ


ตรงนี้ก็เป็นอีกช่วงที่ชันพอควรครับ คณะของเรามีทั้งหมดห้า 4 คันครับ รถของเรามีกัน 5 คน


ช่วงที่แวะพักเพื่อรอทีมมาจนครบครับ บางจุดชันมากจนไม่สามารถขึ้นได้ต้องถ่ายคนออกจากรถแล้ววิ่งรถเปล่าขึ้นไปกับของบางส่วนครับ


และตรงนี้อีกช่วงครับที่ต้องลงเดินกันก่อนครับเดี๋ยวรถจมครับ เส้นทางหฤโหดมากๆครับ หมู่บ้านอยู่ในหุบเขาลึกทีเดียว


พอผ่านจุดที่ลำบากมาได้ไม่นาน ใกล้จะถึงหมู่บ้านเต็มที ก็มีเหตุเกิดขึ้นนิดหน่อยครับ รถคันหน้าของพวกเราเกิดเสียขึ้นมา จึงต้องเสียเวลาในการซ่อมแซมเล็กน้อย มีช่างเยอะครับไม่ต้องกลัว ไม่นานรถก็ใช้ได้เหมือนเดิมแล้วเราก็มุ่งหน้าไปกันต่อ


ถึงแล้วครับจุดหมายปลายทางของการเดินทางมาบริจาคของในครั้งนี้ ทำเหมือนเป็นคนที่ทุ่มเทมากเลยครับพวกเรา แท้ที่จริงก็อาศัยพี่เขามาร่วมแจกของบริจาคด้วยเท่านั้นครับ ต้องขอขอบคุณพี่ๆเขาอย่างจริงใจที่ทำให้พวกเราได้รับประสบการณ์ที่ดีเช่นนี้ครับ


หลังจากที่แจกของเรียบร้อยพวกเราก็เดินทางกลับกันครับ แล้วครั้งนี้ก็ถึงเวลาต้องแยกกันแล้วครับ เพราะว่าผมต้องกลับไปทำงาน แล้วผมจึงขออาศัยรถของพี่ๆอีกกลุ่มกลับออกมาก่อน       แล้วโบกรถต่อเข้าเชียงใหม่    เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพครับ ส่วน แหม่ม กับสั้น เขาได้หยุดยาวจึงโบกรถไปเที่ยวกันต่อ   สองสาว   เห็นว่าโบกไปเที่ยวแม่ฮ่องสอนและปายต่อครับ

                         สูงเสียดฟ้าผาสูงชันตระหง่าน              ลมพัดผ่านกระทบผากึกก้อง
                         ท่ามพงไพรใต้เวิ้งฟ้าผาม่อนจอง          ความงามก้องเย้าตายั่วยวนใจ
                         หลีกหลี้ตัวอยู่ไกลในไพรพนา              ต้องเดินทางค้นหาสุดฟ้าไกล
                         กว่าจะพบกว่าจะเจอเธอแสนไกล          แทบหมดไฟหมดแรงลงตรงทางเดิน
                         ทะเลหมอกหยอกกลิ้งกับขุนเขา           วางตัวทอดเป็นเงาอย่างเพลิดเพลิน
                         กว้างใหญ่แสนไกลสุดคาดเกิน             หลงเพลิดเพลินเดินชื่นชมและดื่มด่ำ
                         สวยเด่นเห็นตระหง่านที่ปลายฟ้า          ดั้นด้นมาเพียงเพื่อชมให้สมคำ
                         ต่างร่ำลืมความงามเธอช่างสุดล้ำ         ยิ่งสมคำเมื่อประสบพบจริง

ปิดท้ายทริปการเดินทางที่แสนพิเศษกับหลายที่ใหม่ๆที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนกับภาพของ
ดอยม่อนจอง   เธอคือความงามยามรุ่งอรุณ

สวัสดีครับ....

พลเอก........


ความคิดเห็น

  1. ไม่ระบุชื่อ31 มีนาคม 2554 เวลา 01:06

    เปิดหน้านี้มา ภาพสวยอีกแล้วครับท่าน ทุกภาพสวยมาก ดูแล้วเพลินเชียว ว่าแต่นั่นนั่งรถขึ้นดอยเหรอะ มีเด็กๆด้วย น่ารักเชียว(หมายถึงเด็กๆนะ)555
    อยากไป อยากไป อยากไป พาไปด้วยหละครั้งหน้าอะ จะรอ อิอิ
    ว่าแต่ไปกันตอนไหนเหรอะ....ไปกันนานยัง ภาพนี้เหมือนไม่เคยได้เจอมาก่อน
    .......เฮ่อสุดท้าย.....อยากไปเช่นเคย

    ตอบลบ
  2. .........

    โอ้โฮ ธรรมชาติ สุด ๆ ๆ ๆ

    น่าปายมากมาย......

    อยากไป๋...อยากไป อิอิ

    ตอบลบ
  3. สวยจิจิงอ่ะ

    ไอ้โอมันอยากไปจัดไปสิ อิอิ

    ตอบลบ
  4. ใช่ๆๆๆ เขาอยากเป็นเด็กดอยอ่ะ

    อยากขึ้นไปดูบรรยากาศบนดอยอ่ะ วิวคงสวยมากๆๆแน่เลย

    ตอบลบ
  5. โอ้วววววว เหมือนเมืองนอกมั่กๆๆๆ สวยค่ะ....

    ตอบลบ
  6. ดูรูปสวยๆแล้วมีความสุขค่ะ ทริปหน้าถ่ายมาอีกนะคะ จะรอติดตามผลงานค่ะ ^^

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

5 สวนดอกไม้ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น (ที่ไม่ไกลจาก Tokyo)

Trip in Japan : เที่ยวกำแพงหิมะ เมืองโทยามะ ตอน ดินแดนฮาโตริ เมืองฮิมิ กำแพงหิมะบนอัลไพท์รูท (Himi Tateyama)

Trip in japan : kamikochi คามิโคจิ ความงดงามที่ซุกซ่อนอยู่ใจกลางเจแปนแอลป์ (Matsumoto)