++ ท่องเมืองโบราณ ตระหง่านฟ้า ที่เขาหลวง.............สุโขทัย ++

ในช่วงสายๆของวันหนึ่งเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดัง กริ๊งๆๆๆ ผมก็สะดุ้งตกใจรีบลุกขึ้นมาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู   ก็เห็นชื่อของพี่สาวปรากฎอยู่ที่หน้าจอโอ๊ย...คนกำลังหลับสบาย   แต่เอ๊ะ?มีอะไรหรือปล่าวนะ  ผมจึงรีบกดรับสายทันที ทันทีที่พี่สาวผมเอ่ยถึงธุระที่โทรมาเท่านั้นแหละ ผมสดชื่นขึ้นมาทันที  ไม่ง่วงแล้วหล่ะ  แล้วเมื่อไหร่  กี่วัน ผมรีบถามพี่สาวอย่างรวดเร็ว "ไปๆ " ผมรีบตกลงในทันทีเลยครับ พี่สาวผมชวนไปเที่ยวบ้านพี่เขยครับ  บ้านพี่เขยผมอยู่ที่  อ.คีรีมาศ  จ.สุโขทัย  หลังจากตกลงใจไปแล้ว  ผมก็บอกว่าต้องพาไปเที่ยวเขาหลวงด้วยนะ   เพราะว่าอยากไปมานานแล้ว   แล้วทุกอย่างก็เริ่มต้นตามที่คาดหมายครับ พวกเรานั่งรถกระบะของพี่สาวไปเที่ยวกัน  สมาชิกที่ร่วมเดินทาง  มีหลายคนครับ  เพราะว่าผมชวนเพื่อน และน้องไปด้วย  การเดินทางครั้งนี้ของเราจึงมีทั้งหมด  9 คน  มีผม  พี่สาว  พี่เขย  พี่สาวของพี่เขยและ เพื่อนของเขา ยายไก่ ตาแก้ว น้องโอม และน้องดวง  พวกเราออกเดินทางตั้งแต่ ตี4 มุ่งหน้า สู่อำเภอคีรีมาศ กันครับ


นั่งรถมาเกือบ 6ชม. ในที่สุดเราก็มาถึงบ้านพี่เขยกันแล้วครับ หลังจากพักเหนื่อยกันเล็กน้อย ช่วงบ่ายๆพวกเราก็ออกไปเที่ยวเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยกัน จุดแรกที่เราแวะเที่ยวกันก็คือ พระอจนะ วัดศรีชุมครับ


สมาชิกส่วนหนึ่งของเราครับ พอมาถึงเราก็รีบไปถ่ายรูปและเข้าไปไหว้พระกันทันทีครับ


มุมด้านในของมณฑปครับ พระอจนะ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ปางมารวิชัยครับ หน้าตัก กว้าง 11.30 ม. สูง 15 ม.


หลังจากไหว้พระเรียบร้อยแล้วเราก็ไปชมกันต่อที่วัดพระพายหลวงครับ


แล้วจุดสุดท้ายที่พวกเราลงแวะเที่ยวกันก็คือ วัดมหาธาตุครับ ซึ่งเป็นวัดหลวงที่สวยที่สุดในอุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้เลยครับ


ค่ำมากแล้วครับ แต่ก่อนที่เราจะกลับพวกเราก็แวะไปไหว้สักการะ อนุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงกันก่อน กว่าจะกลับถึงบ้านก็ประมาณ 2 ทุ่มครับ  และคืนนี้พวกเราได้เตรียมตัว  และเก็บข้าวของเพื่อไว้ใช้ในวันพรุ่งนี้ พรุ่งนี้แล้วครับ ที่พวกเราจะไปเดินขึ้น.....เขาหลวงสุโขทัยกันครับ


หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยอย่างแสนสาหัส  กับการเดินขึ้นเขาหลวงระยะทางประมาณ  4 กม. แต่เป็นทางที่ขึ้นดิ่งอย่างเดียวครับ และ 3 .5 ชม. ผ่านไปในที่สุดเราก็เดินขึ้นมาถึงแล้วครับ ระดับความสูงตรงที่ทำการครับ  ตรงนี้เป็นจุดกางเต๊นท์ครับ  วันนี้ตอนที่เดินขึ้นมา  สวนทางกับสองคณะที่ลงไปครับ  และวันนี้พวกเราเป็นกรุ๊ปแรกครับที่ขึ้นมา แต่พอเวลาผ่านไปจริงๆแล้วมีเพียงกรุ๊ปของพวกเรา 7 คนเท่านั้นครับ ไม่มีกรุ๊ปอื่นเลยวันนี้ พี่สาวของพี่เขยและเพื่อนของเขาไม่ได้มาด้วยนะครับ  จึงมีผู้กล้าในครั้งนี้ แค่ 7คนเท่านั้นครับ


หลังจากที่ต่อรองกับพี่เจ้าหน้าที่ ว่าพวกเราขอไปนอนที่ผานารายณ์ได้ไหมครับ  เคยได้ยินคนพูดว่าสามารถไปนอนได้ ต่อรองอยู่สักพักพี่เขาก็โอเค ครับ พวกเราจึงได้ไปนอนที่ บ้านพักเก่าโทรมๆของทหารอากาศที่ผานารายณ์กันครับ   พอไปถึงพวกเราก็เก็บกวาดพื้นอาคาร   เพื่อจะปูผ้าใบรองพื้น  ฝ้าหลังคามีรูด้วยครับ  โชคดีครับ  ที่นี่มีน้ำให้อาบด้วย   และมีเทียนให้พวกเราได้ใช้ด้วยครับ เป็นของคนเก่าที่เคยมาพักแล้วทิ้งไว้ครับ พอเก็บทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ก็เดินไปชมผานารายณ์เพื่อสำรวจ พื้นที่สักหน่อยครับ


แล้วหลังจากนั้น ช่วงเย็นๆพวกเรา ก็เดินขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกกันที่เขาพระแม่ย่ากันครับ เดินจาก
ผานารายณ์มาตามเส้นทางเลียบผาครับ ช่วงที่เดินผ่านเห็นรอยเท้าสัตว์เต็มไปหมดเลยครับ


พอเดินขึ้นมาถึงเขาก็เหลือเวลาอีกเยอะกว่าพระอาทิตย์จะตก พวกเราก็เลยถ่ายรูปเล่นกัน และนั่งชมวิว
อย่างเพลิดเพลิน


กำลังแอบถ่ายตาแก้วที่กำลังนั่งมองอะไรก็ไม่รู้ครับ แล้วก็โดนแอบถ่ายอีกที


ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆเลยครับ จะเห็นพระอาทิตย์ตกไหมน้อวันนี้ ก็แหมเรามาเที่ยวหน้าฝนนี่ครับ


ด้านล่างคืออำเภอคีรีมาศครับ ถ่ายจากยอดเขาพระแม่ย่า  ที่ปลายผาด้านโน้น คือผานารายณ์ที่พักของพวกเราครับ


ซูมใกล้ๆเข้าไปอีกหน่อยครับ  อาคารเก่าๆที่เสาโทรศัพท์ตรงนั้นแหละครับที่พักของเราในคืนนี้


มาถ่ายรูปกลุ่มกันดีกว่าครับ ลืมบอกไปครับตอนเดินขึ้นมาที่เขาแม่ย่า พี่เขยไม่ได้มาด้วยนะครับ
เขาขี้เกียจเพราะเคยขึ้นมาแล้ว


ขนาดมาอยู่บนที่สูง พื้นที่น้อยๆแคบๆก็ยังสามารถหาที่กระโดดถ่ายรูปได้อีกครับ ทำไปได้ครับจริงๆแล้วที่กล้ากระโดดกัน เพราะมีเพียงกรุ๊ปเรากรุ๊ปเดียวครับ เลยไม่ได้เกะกะใครและไม่ต้องอายครั


ดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับแล้ว แต่ว่าเมฆเต็มท้องฟ้าเลย คงไม่ได้เห็นแล้วหล่ะ ได้เห็นเพียงแต่แสงสีทองที่ส่องลอดผ่านกลุ่มเมฆออกมาเท่านั้นครับ แต่ก็สวยดี ครับ


ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วครับแล้วหน้าฝนช่วงที่ท้องฟ้ามีเมฆเยอะแบบนี้ยิ่งมืดเร็วกว่าเดิมครับ


เราเดินกลับลงอีกทาง เพระเกรงว่าจะเจอกับสัตว์ป่า ครับเพราะเห็นร่องรอยการหากินเต็มไปหมดครับ พวกเราก็เลยเดินวกกลับมาทางยอดเขาพระเจดีย์  ครับ  กว่าจะกลับถึงที่พัก    ก็เกือบสองทุ่มแล้วครับ    เราก็เลยรีบเปลี่ยนกันไปอาบน้ำครับ   ใช้เทียนจุดอาบนะครับ  เสร็จแล้วก็ไปนั่งทานอาหารกันที่พวกเราเตรียมมา  แล้วก็ต้มกาแฟกินกันที่โต๊ะอาหารหน้าที่พัก  ท้องฟ้าร้อง สนั่นหวั่นไหวอีกฝั่งหนึ่งของเทือกเขาครับ


หลับไหลกันอย่างสบายปราศจากสิ่งใดรบกวนทั้งคืน  แถม มีฝนตกด้วยครับเมื่อคืน แหมก็ฟ้าร้องสนั่นซะขนาดนั้นนี่ครับแต่ก็โชคดีครับ ตีห้าผมรีบตื่นขึ้นมา  แล้วเดินไปที่ผานารายณ์ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากในทันที  แต่ฟ้าก็ยังมืดอยู่ครับ  ผมก็เลยเดินดุ่ยๆ  ไปคนเดียวครับ ปลุกใครก็ไม่มีใครอยากจะตื่นพอไปถึง " โอ้วโห สวยจัง "  ทะเลหมอกเยอะเหมือนกันนะ  เห็นอย่างนั้นไม่รอช้าครับ   ผมตะโกนเสียงดังจาก ผานารายณ์เพื่อปลุกพวกเขาอีกที


แถมยังย้ำด้วยว่า   ทะเลหมอกสวยมากให้รีบมาดูกันเร็ว   พักหนึ่งก็ได้ยินเสียงตะโกนกลับมาว่า
"สวยจริงเหรอ" เป็นเสียงของพี่สาวผมเองครับ  ผมจึงย้ำไปอีกทีว่าสวยมาก


ไม่นานน้องชายผม น้องโอม และน้องดวงก็เดินมาก่อนคนอื่นๆครับ  พอมาเห็นก็ตะลึงเลยซิครับ
 "สวยจริงๆด้วยพี่เอก" น้องโอมกับน้องดวง กล่าว


สักพักท้องฟ้าเริ่มสว่างมากแล้ว อีกสี่คนก็เดินออกมาครับ แล้วก็ประทับใจเช่นเดียวกัน


เราไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นนะครับ เพราะท้องฟ้าก็มีเมฆบังมิดเลยครับ มีทั้งหมอกด้านล่าง และเมฆด้านบน


พอมาถึงกันเท่านั้นแหละครับ แต่ละคนรีบคะยั้นคะยอให้ถ่ายรูปทันทีเลยครับ อากาศเย็นสบายมากเลยครับ ไม่หนาวมาก


บรรยากาศดีอย่างนี้แล้วทั้งเขาก็มีเพียงแค่กลุ่มเราอะไรจะวิเศษขนาดนี้ ผมจึงใช้น้องโอมให้ไปเอาแก๊ซ กาน้ำ และกาแฟกับ ขนมปัง มาต้มกินกันตรงนี้เลยครับ


บรรยากาศสุดแสนวิเศษจริงๆเลยครับ นั่งจิบชากาแฟอยู่ริมผาชมทะเลหมอกที่ตระการตาแถมน้องโอมยังเล่นกีตาร์ให้ฟังอีก จะมีอะไรวิเศษไปกว่านี้อีกครับ


พอแดดเริ่มแรง หมอกก็ค่อยๆลอยตัวสูงขึ้นครับ คนอื่นๆเดินกลับไปที่พักกันหมดแล้วเหลือเพียงผมที่ยังคงไม่อยากกลับ


ลองหยิบกีตาร์มาทำท่าดูสักหน่อย ครับ เล่นไม่เป็นหรอกครับเอามาทำท่าไปอย่างนั้นแหละ  หลังจากที่ได้รูปกับกีตาร์แล้วผมก็เดินกลับที่พักเพื่อเก็บของกันครับ คนอื่นๆเก็บเสร็จแล้วเหลือผมคนเดียว


เราใช้เวลาประมาณ 2 ชม.ในการเดินลงจากเขาหลวงครับ ตอนขึ้นไม่ได้ถ่ายรูปทางขึ้นไว้เลย พอกลับลงมาถึงด้วยอาการเหนื่อยๆ ขอถ่ายไว้สักหน่อยครับ


วลาประมาณ 12.00 น. พวกเราก็กลับถึงบ้านกันครับ พักผ่อนกันครับพรุ่งนี้เช้าเราจะไปใส่บาตรกัน หลังจากใส่บาตรแล้ว ผมกับน้องโอมก็ยืมรถมอเตอร์ไซค์ของพี่เขยขับไปเที่ยวกัน พวกเราขับไปเที่ยวน้ำตกสายรุ้งกันครับ น้ำตกสายรุ้งมีทั้งหมด 4  ชั้นครับ   จุดนี้เป็นจุดสูงสุดของน้ำตกสายรุ้งครับ เป็นจุดด้านบนของชั้นที่ 4 ครับไม่มีทางเดินขึ้นมานะครับผมกับน้องโอมด้วยความอยากรู้จึงเดินลุยป่าและไต่เขาขึ้นมาทีละน้อยครับ ทางชันมากๆครับ ความลาดเอียงน่าอยู่ที่ 60-70 องศาครับ ทางลำบากมาก   เพราะต้องลุยหาทางขึ้นมาเอง แถมยังต้องจำทางไว้ตอนขาลงด้วยนะครับ เดี๋ยวหลงป่า แต่ก็สนุกดีครับ


หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับการเดินขึ้นน้ำตกแล้วเราก็ขับรถไปเที่ยวกันต่อที่อ่างเก็บน้ำใต้เขาหลวง ซึ่งจากผานารายณ์มองลงมา  จะเห็นอ่างเก็บน้ำได้อย่างชัดเจนเลยครับ


มุมสันอ่างเก็บน้ำ ครับ บรรยากาศที่นี่ดีมากๆเลยครับ มีนกเป็ดน้ำเยอะเหมือนกัน


กินน้ำแดงไหมครับ พอดีก่อนที่จะมาถึงอ่างเก็บน้ำแวะซื้อน้ำมาดื่มด้วยครับ รถคันนี้แหละคู่ใจของเราในวันนี้ที่พาเราตะลอนเที่ยวครับ


ช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะตก เลยนั่งฟังเพลงชิวๆ ครับ แต่พอใกล้จะตกจริงๆฟ้าปิดครับ   เมฆฝนลอยมาก้อนใหญ่เลยครับ แย่จัง...อดดูพระอาทิตย์อีกแล้ว หลังจากนั้นก็ขับรถกลับบ้านครับ เพราะว่าคืนนี้ 20.30 น. ผมต้องนั่งรถกลับกรุงเทพแล้วครับ ต้องกลับไปทำงานต่อ ส่วนคนอื่นๆเขากลับพรุ่งนี้กันครับ


 ทะเลหมอกตระการตา          ภูผาตระหง่านมั่น..................
คง สายฝนโปรยพลัน          ไหวหวั่นยามลมหวิว...พริ้วผ่านมา

ปิดทริปหน้าฝนอีกทริปที่สนุกสนานด้วยภาพของทะเลหมอกที่......เขาหลวงสุโขทัย

สวัสดีครับ....

พลเอก.........

ความคิดเห็น

  1. .......

    น่าอิจฉาจังเรย

    ทริปแต่ละทริป

    ซู๊ดยอดมาก

    ธรรมชาติ ที่แท้จริง ใน ประเทศไทย

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ31 มีนาคม 2554 เวลา 01:14

    พึ่งรู้นะเนี่ยว่าสุโขทัยมีที่เที่ยวแบบนี้ด้วย ไม่ต้องไปไหนไกลเลย อยู่บ้านเรานี่เอง พี่เอกมีที่ไหนบ้างมั้ยที่ยังไม่ได้ไป อยากรู้เสียจริงๆ อิจฉาอะ
    จะมีโอกาสได้ไปบ้างมั้ยน้า
    ........ขอบคุณนะที่เอามาให้อิ่มความสุขกัน.............

    ตอบลบ
  3. สวยอ่ะ

    ม่ายรู้จะอธิบายยังงัยแล้ว
    มันสวยจิจิง...

    ตอบลบ
  4. อยากไปยืนถ่ายรูปบนหน้าผาอย่างนี้บ้างอ่ะ บรรยากาศธรรมชาติมากๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ตอบลบ
  5. ทริปนี้ขออีกซักครั้งนะคับ.......แล้วจะไม่ลืมพระคุณเลยคับ

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ7 กันยายน 2554 เวลา 14:14

    รู้สึกอิจฉาพี่เอกจัง ที่ได้ไปสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ โอกาสหน้าขอไปด้วยคนน่ะ....A

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ21 กันยายน 2556 เวลา 00:38

    In fact no matter if someone doesn't understand afterward its up to other visitors that they will help,
    so here it happens.

    my blog - Eugene Charter Service

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

5 สวนดอกไม้ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น (ที่ไม่ไกลจาก Tokyo)

Trip in Japan : เที่ยวกำแพงหิมะ เมืองโทยามะ ตอน ดินแดนฮาโตริ เมืองฮิมิ กำแพงหิมะบนอัลไพท์รูท (Himi Tateyama)

Trip in japan : kamikochi คามิโคจิ ความงดงามที่ซุกซ่อนอยู่ใจกลางเจแปนแอลป์ (Matsumoto)