++ การเดินทางท่ามกลางสายฝน....... ตอน ภูสอยดาว หมอกพราว ดอกไม้งาม ++

เมื่อถึงเวลาแห่งฤดูที่มีสายฝนโปรยปราย ความกระหายอยากของการเดินทางก็ปะทุขึ้น หน้าฝนอย่างนี้แล้วเราจะเที่ยวไหนดีหล่ะ   ไปที่ไหนก็ชื้นแฉะไปหมดจะสนุกที่ไหนหล่ะ พยายามจะหาข้ออ้างต่างๆเพื่อหยุดยั้งความต้องการของตัวเอง   แต่ท้ายที่สุดก็มิอาจจะขวางกั้นได้เลย ที่ท่องเที่ยวหน้าฝนในประเทศไทยมีมากมายหลายที่   ที่จะต้องไปเที่ยวหน้าฝนเท่านั้นถึงจะได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนั้น เมื่อความต้องการมิอาจหยุดยั้ง เราก็ต้องหาสมาชิกเพื่อร่วมเดินทางแล้วหล่ะ หันไปหันมาก็ไม่มีใครครับนอกจากคนใกล้ตัว เอาล่ะชวนเลยดีกว่า ในที่สุดก็ได้สมาชิกทั้งหมด 8 คน ที่จะเดินทางไปด้วยกันแล้วหล่ะ และแล้ว ทริปการเดินทางท่ามกลางสายฝนของเราก็เริ่มต้นขึ้น ภูสอยดาว หมอกพราว ดอกไม้งาม


พวกเราออกเดินทางจากกรุงเทพตอนเวลาประมาณ สามทุ่มครึ่ง มาถึงที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวเวลาประมาณ ตี 5  ทีแรกว่าจะนอนในรถกันต่อ  แต่มาถึงตอนนี้แล้วมันข่มตาไม่ลงแล้วก็เลยลงจากรถมานั่งเล่นพูดคุยกัน ตอนเดินทางมาฝนตกตลอดทางเลยจนใกล้จะถึงอุทยานฝนจึงไม่มีฝน


หลังจากที่รอคอยเวลาเพื่อที่จะเดินขึ้นมา เราเสียเวลากับการรอต่อคิว เพื่อชั่งน้ำหนักสัมภาระอยู่นานเพราะ  ติดกรุ๊ปทัวร์     แต่ช่างเถอะแล้วเราก็เดินขึ้นภูสอยดาวเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งกันหน่อย ทีแรกก่อนออกเดินทางมา ได้หาข้อมูลไว้เขาบอกว่าต้องใช้เวลาในการเดินขึ้นประมาณ 4-6 ชั่วโมง แต่พวกเราทำเวลาดีกว่า พวกเราใช้เวลาในการเดินขึ้นประมาณ 3-3.5 ชั่วโมงเท่านั้นเอง

 
ในช่วงของการเดินทางขึ้นภูสอยดาวมีหมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณ  จนมองไม่เห็นวิวทิวทัศน์ข้างทางเลยแม้แต่น้อย  ก็มันหน้าฝนนี่หน่า หมอกฝนก็ต้องเยอะเป็นธรรมดา   แล้วเวลาประมาณเที่ยงครึ่งพวกเราก็เดินทางถึงตรงบริเวณลานสนกัน


หลังจากหาที่พักกางเต๊นท์กันเรียบร้อยพวกเราก็ไม่รอช้า รีบไปเดินเล่นชมวิวกันดีกว่า ช่วงที่เราไปดอกหงอนนาคซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่ ต่างก็เบ่งบานกันเต็มไปหมด มองไปทางไหนก็เห็นเป็นสีฟ้าอมม่วงเต็มไปหมด


ช่วงที่ไปเดินชมทัศนียภาพของทุ่งดอกหงอนนาคกัน มีสมาชิกของเราหนึ่งคนไม่ค่อยสบาย เลยไม่ได้ไปเดินเที่ยวกับพวกเรา น่าเสียดายจริงๆ แต่แหมก็เพื่อนไม่สบายนี่นะ จะยังให้ฝืนไปด้วยอย่างไรหล่ะ


แถมช่วงที่เราเดินไปนั้นฝนยังตกปรอยๆอยู่ตลอดเวลา จนพวกเรา ต้องใส่เสื้อกันฝนกันเดินเที่ยว แต่ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ   ไม่มีกลุ่มไหนที่ทำเหมือนพวกเราเลย   ทั้งท้องทุ่งมีเพียงพวกเราเจ็ดคนเท่านั้น ที่บ้าระห่ำกัน ทั้งๆที่ฝนตกก็ยังอยากเดินออกไปเที่ยวท่ามกลางสายฝน แล้วเราก็เดินมาถึงจุดหลักเขตแดน ที่แบ่งระหว่างประเทศไทยและประเทศลาว เราได้เดินข้ามไปเที่ยวประเทศลาวมาด้วยครับ


พวกเราเดินอ้อมกันไปตามเส้นทางบนทุ่งหญ้ากว้างที่เต็มไปด้วยดอกหงอนนาค   จนวกอ้อมกลับมาอีกทาง เดินกันเป็นเส้นวงกลมเลยครับ  เพื่อนบอกชอบบรรยากาศแบบนี้มากเลย ใส่เสื้อกันฝนเดินเที่ยวกัน นี่ถ้ามองไกล เหมือนพระเลยนะ


ท้องฟ้าตอนเย็นๆช่วงที่เมฆหมอกเปิดให้เห็นเล็กน้อย ตรงจุดชมวิว พวกเห็นหมอกเปิดทางให้เห็นวิวทิวทัศน์พวกเราทั้งเจ็ดคนก็ตื่นตะลึงดีใจกันใหญ่ "เย้ ฟ้าเปิดแล้วดูทางโน้นดิสวยจัง " เพื่อนคนหนึ่งตะโกนเรียกให้พวกเรารีบมองเพราะไม่นานหมอกก็เข้าปกคลุมตามเดิม


บรรยากาศช่วงเย็นก่อนพระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้า  เมฆหมอกก็เป็นใจเปิดฟ้าให้พอมองเห็นแสงรำไรของดวงอาทิตย์ยามเย็นได้บ้าง สายลมเอื่อยพัดเบาๆเข้าปะทะกับใบหน้าของพวกเรา  แล้วพวกเราก็กลับไปทำอาหารทานกัน   ต้องขอขอบคุณพี่เจ้าหน้าที่มากครับที่ให้ที่ทำอาหารสำหรับพวกเรา เพราะว่าสายฝนโปรยปรายลงมาอย่างหนักทำให้พวกเราไม่สามารถทำอาหารได้   จึงขออาศัยพักบ้านของพี่เขาทำอาหาร และก็อาบน้ำด้วย


หลังจากค่ำคืนที่หนาวสั่นและเปียกชุ่มผ่านไปผมก็ตื่นแต่เช้าแล้วเดินไปที่จุดชมวิว  หวังว่าวันนี้ฟ้าคงเปิดแต่ก็ต้องผิดหวังฟ้ายังคงปิดไปทั่ว   จึงได้แต่ยืนที่หน้าผาแล้วให้สายหมอกที่พัดลอยอย่างรวดเร็วด้วยกระแสลม พัดเข้าปะทะกับใบหน้าให้สดชื่น


แล้วก็ได้เวลาเตรียมตัวกลับกันแล้ว พวกเรารีบไปเก็บของกัน และก็ทานข้าวเช้า ซึ่งเช้านี้เป็นต้มมาม่า เพราะมันง่ายดี ไม่ยุ่งยาก ก่อนเดินกลับก็ขอถ่ายรูปกับพี่เจ้าหน้าที่ใจดีสักหน่อยที่เอื้อเฟื้อสถานที่และความพิเศษหลายอย่างให้พวกเรา


พอเราเดินกลับออกมาจากที่พักถึงจุดบริเวณลานสน ท้องฟ้าก็เริ่มเปิดโปร่งโล่งทำให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ที่เมื่อวานมองไม่เห็นกันเลย


พวกเราจึงดี๊ด๊าที่จะถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนานระหว่างเดินลงจากภูสอยดาว และแวะชมวิวตลอดทาง เพราะว่าเมื่อวานเรามองไม่เห็นอะไรกันเลย


แล้วพวกเราก็มีความสุขกับการเดินลงจากภูสอยดาว สองข้างทางมีอะไรให้มองเยอะแยะ ทำให้การเดินลงเป็นไปอย่างเพลิดเพลิน


เนินมรณะ เป็นจุดที่ๆมีความชันมาก เป็นจุดก่อนที่จะถึงลานสนด้านบน ช่วงที่เดินเราไม่ได้สนใจที่จะถ่ายรูปกัน แต่ขาลงขอไว้สักภาพดีกว่า จะได้มีภาพยืนยัน ผู้พิชิตเนินมรณะ


เป็นอีกจุดหนึ่งที่เราพักชมวิวกัน และเมื่อมองซ้ายมองขวาไม่มีใครอื่นนอกจากพวกเรา ก็เลยขอตะโกนดังๆสักหน่อย พอตะโกนเสร็จมันรู้สึกปลอดโปร่งดีจัง


เราใช้เวลาประมาณเกือบสามชั่วโมงในการเดินลงจากภูสอยดาว แต่ก่อนจะกลับและไปยังเป้าหมายต่อไป เราก็ขอถ่ายรูปคู่กับป้ายหน่อย เพราะตอนมาถึงและก่อนขึ้นไปเราไม่ได้ถ่ายไว้เลย

 
เรากลับมาถึงข้างล่างประมาณเที่ยงกว่าๆ เริ่มหิวแล้วซิพลังงานของมาม่าหมดฤทธิ์แล้ว ที่บริเวณอุทยานมีร้านอาหารด้วยพวกเราก็เลยไปหาอะไรกินกัน แน่นอนเที่ยงแบบนี้ขาดส้มตำเป็นไม่ได้ครับ หลังจากอิ่มแปล้แล้ว พวกเราก็มุ่งหน้าไปกันต่อที่ น้ำตกชาติตระการ


น้ำตกชาติตระการช่วงฤดูนี้น้ำค่อนข้างเยอะครับแล้วน้ำก็เป็นสีคุ่นแดงด้วย น้ำตกชาติตระการมีทั้งหมด 7 ชั้น แต่พวกเราไม่ได้เดินขึ้นไปชมชั้นอื่นๆกันครับ เพราะเราต้องรีบไปกันต่อ


จุดหมายของพวกเราต่อไปก็คือภูหินร่องกล้าครับเราแค่แวะไปเที่ยวเท่านั้นไม่ได้นอนที่นี่ครับ เราจะไปนอนที่ ภูทับเบิกกัน เรามาถึงภูหินร่องกล้าในช่วงเย็นๆ กับสายฝนที่ยังโปรยปรายบ้างเล็กน้อยครับ


มาถึงแล้วก็ต้องปีนป่ายขึ้นไปเที่ยวชมผาชูธงกันหน่อยครับ อันที่จริงผมเคยมาที่นี่เป็นครั้งที่สามแล้วครับ ก็เลยไม่ค่อยตื่นเต้นมากเท่าไหร่ นางแบบของเราก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีครับ


หลังจากเดินเที่ยวชมไปตามริมผาสูง ที่มีเพื่อนบ้างคนเกิดอาการใจหวั่น ขาสั่นทีเดียว เขากลัวความสูงครับ แต่ก็ยังมากับพวกเราได้ทุกจุดเยี่ยมไหมครับ ในที่สุดเราก็มาถึงลานหินปุ่มกัน พอมาถึงก็เห็นนักศึกษากลุ่มหนึ่งกำลังถ่ายรูปกันอย่างขมักเขม้น สงสัยเขาจะมาเรียนการถ่ายภาพภาคสนามกันครับ พวกเราไม่ได้รอดูพระอาทิตย์ตกเพราะว่าจุดหมายต่อไปยังรอเราอยู่


แล้วการเดินทางของพวกเราก็ยังคงดำเนินต่อ   บนเส้นทางที่ยังอีกไกล     ปิดท้ายด้วยภาพของทุ่งหญ้าสวยๆบนภูสอยดาว ที่งดงาม ความประทับใจของเสื้อกันฝนจะยังคงอยู่เสมอ ตลอดเวลาที่เราได้พบเจอเสื้อกันฝน ภาพแห่งความทรงจำเก่าๆเหล่านี้จะผุดขึ้นมาในห้วงคำนึงทันที

อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะครับ


สวัสดีครับ.....


พลเอก........


การเดินทางภาคต่อของ ทริปท่ามกลางสายฝน ตอน ทะเลหมอกสุดฟ้า ที่ผาภูทับเบิก











ความคิดเห็น

  1. ไม่ระบุชื่อ23 มีนาคม 2554 เวลา 01:30

    โอ๊ยอิจฉา ทำไมเราถึงพลาดไม่ได้ไปน้า....เสียดาย บรรยากาศชิวๆ ภาพสวยๆ ด่านหฤโหด มีเพื่อนบอกว่าติดใจที่ทริปนี้มาก แต่เราไม่ได้ไป ไม่เป็นไรอย่างน้อยก็ได้เห็นภาพสวยๆ โอกาศหน้าถ้าไปอีก...ขอไปด้วยน้า แบบว่า...555อยากไปสุดๆ koon Aek นี่สุดยอดจริงๆนับถือ ไปที่ที่ไหน ไม่เคยให้ผิดหวัง จะรอตอนต่อไปน้า
    ........สุโค่ย........

    ตอบลบ
  2. เสียดายอ่ะ ทริปนี้ไปได้ไปด้วยอ่ะ
    บรรยากาศดีมากอ่ะ หน้าผาหน้ากลัวมากอ่ะ แต่อยากสัมผัสบรรยากาศอย่างนี้สักครั้ง...

    ตอบลบ
  3. สวยงามที่สุด.......

    ทริปหน้า และ ทริป ต่อ ๆ ๆ ๆ ๆไป

    เราคงม่ายพลาด (มั้ง) อิอิ

    *-------*

    ตอบลบ
  4. โห...

    ชอบบรรยากาศยามเย็นก่อนพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า
    สุดๆเลย(น่าอิจฉาจังเลยนิ)

    ตอบลบ
  5. อยากสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติอย่างนี้จังเลย

    ตอบลบ
  6. สวยสุด ๆๆ ชอบอะ

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ15 เมษายน 2554 เวลา 20:07

    สวยที่สุดค๊า~~~~~~~~~~~ ชอบรูปแรกมากๆ

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ15 เมษายน 2554 เวลา 21:29

    สวยมากค่ะ ดอกหงอนนาคใช่มั้ยคะ น่าไปมั่กๆ :)

    ตอบลบ
  9. น้ำตกสวยมากค่ะ รูปแรกเหมือนภาพวาดมากเลย สวย สวย อยากไปมั่งจัง

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

5 สวนดอกไม้ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น (ที่ไม่ไกลจาก Tokyo)

Trip in Japan : เที่ยวกำแพงหิมะ เมืองโทยามะ ตอน ดินแดนฮาโตริ เมืองฮิมิ กำแพงหิมะบนอัลไพท์รูท (Himi Tateyama)

Trip in japan : kamikochi คามิโคจิ ความงดงามที่ซุกซ่อนอยู่ใจกลางเจแปนแอลป์ (Matsumoto)