++ ครั้งแรกของหลายชีวิต กับการเดินทางและพิชิตเส้นทางพันโค้ง......ที่แม่ฮ่องสอน ++
หลังจากที่รู้จักกันมานานพอสมควรในที่ทำงาน ก็ได้เวลาที่พวกเราจะต้องหาทริปการเดินทางร่วมกันสักหน่อยแล้วหล่ะ น้องๆหลายคนไม่เคยได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวเลย คราวนี้จึงเป็นการดีที่จะไปเที่ยวกัน หลังจากที่หาสมาชิกและ นัดแนะกันเรียบร้อยเราก็ได้สมาชิกมาทั้งหมด 9 คน ที่พร้อมจะออกเดินทางไปเที่ยว จ.แม่ฮ่องสอนเส้นทางพันโค้งกันแล้วครับสมาชิกกลุ่มของพวกเรามีดังนี้ มีผม พี่โจ พี่นา น้องหนุ่ม น้องปอ น้องเปิ้ล น้องพีม น้องอุ๊ และน้องน้ำ.... เวลาประมาณ 21.00 น.วันที่ 26 มกราคม 2553 ในที่สุดก็ได้เวลาที่พวกเราทั้งหมด ออกเดินทางจากกรุงเทพกันแล้ว เย้...
ช่วงที่อยู่บนรถเราก็ดูหนังและทานขนมกันอย่างเอร็ดอร่อย เราเลือกใช้บริการของพี่กุ้งพี่เจ้าของรถตู้
ที่จะนำเราไปเดินทางท่องเที่ยวในทริปที่แสนไกลครั้งนี้กันครับ
เดินทางมาได้ประมาณ 3 ชม. พวกเราก็รู้สึกหิวข้าวกันอย่างกะทันหันจึงแวะหาอะไรทานกัน ที่ปั๊มปตท. ใกล้กับ อ.สลกบาตร จ.กำแพงเพชรครับ
หลังจากการเดินทางที่แสนเหน็ดเหนื่อยและยาวนาน ประมาณ 10.00 น.ของวันใหม่ เราก็มาถึงจังหวัด แม่ฮ่องสอนกันแล้วครับ ไปถึงก็ไม่รอช้านะครับ รีบตรงไปหาอะไรทานกันก่อนหิวข้าวมากๆ เลยครับ ทานเสร็จเราก็ตรงดิ่งขึ้นไปไหว้พระ กันก่อนเลยที่วัดพระธาตุดอยกองมูครับ
จากจุดชมวิวของศาลาบนวัดเราสามารถมองเห็นเมืองแม่ฮ่องสอน และสนามบินได้อย่างชัดเจน ภูเขาเบื้องหลังที่สลับซับซ้อนเป็นเส้นทางที่พวกเราเพิ่งผ่านมาเมื่อตอนเช้าครับ
มุมระเบียงของวัดพระธาตุดอยกองมูตรงทางบันไดเดินขึ้นครับ แม่ฮ่องสอนเป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ในหุบเขา บรรยากาศสงบ ร่มเย็นน่าอยู่มากๆเลย
หลังจากไหว้พระขอพรกันเรียบร้อยเราก็ออกเดินทางกันต่อ จุดหมายต่อไปที่เราจะแวะก็คือ บ่อโคลน ซึ่งมีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย และมีเพียงสามแห่งในโลกเท่านั้น เราต้องแวะไปชมให้ได้ครับ
พอแวะชมบ่อโคลนและลองพอกหน้าด้วยโคลนแล้วเราก็ไปเที่ยวกันต่อที่น้ำตกผาเสื่อ ซึ่งอยู่ระหว่างทางไปปางอุ๋งครับ ช่วงนี้น้ำตกน้ำน้อยมากครับ
จุดหมายที่พักแห่งแรกของเราในทริปนี้คือปางอุ๋งครับ แล้วเราก็เดินทางมาถึง หลังจากกางเต๊นท์เสร็จ ผมก็หาสมาชิกไปเดินเล่นหลังอ่างเก็บน้ำกันได้สมาชิกมาสามคนครับ ที่เหลือนอนเล่นรออยู่ที่เต๊นท์กัน ด้านหลังของอ่างเก็บน้ำมีสะพานไม้ให้เดินเล่นกันด้วยครับ
ช่วงค่ำๆก่อนพระอาทิตย์จะตกเราก็เดินกลับเต๊นท์กัน นี่เป็นมุมระหว่างเดินกลับเต๊นท์ครับ
และที่นี่มีหงส์ดำอยู่คู่หนึ่งครับ เป็นหงส์พระราชทานครับ
เต๊นท์ที่พักของพวกเราในค่ำคืนนี้ครับ พี่โจกำลังจัดเตรียมของเพื่อทำอาหารกินกันครับ
พ่อครัวของเรากำลังตั้งอกตั้งใจทำอาหารให้พวกเรากินกันครับ พอพระอาทิตย์ตกแล้ว อุณหภูมิที่นี่
ก็ลดลงอย่างรวดเร็วครับ และคืนนี้ อุณหภูมิอยู่ที่ ประมาณ 9-10 องศา
ในค่ำคืนที่เหน็บหนาว ข้างๆอ่างน้ำที่สงบนิ่ง เราตื่นแต่เช้าเพื่อมารอดูบรรยากาศตอนเช้าๆของที่นี่กัน
ที่นี่มีแพรับจ้างด้วยนะครับ 150 ต่อลำนั่งได้ 2คน โรแมนติกมากๆครับแต่พวกเราไม่ได้นั่งครับ
สายหมอกบางๆลอยละล่องขึ้นจากผืนน้ำที่สงบนิ่ง ไม่นานแสงสีทองอำไพในตอนเช้าก็สาดส่อง
ผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับ สวยงามทีเดียว
บริเวณข้างๆที่กางเต๊นท์หลังจากที่แสงตะวันเริ่มสาดส่องผ่านแมกไม้กิ่งก้านสาขาของต้นสน
ไม่ไกลจากที่กางเต๊นท์มีสะพานไม้เล็กๆยื่นไปบนผืนน้ำ พวกเราก็เดินออกไปถ่ายรูปกัน
มีเสาด้วย 6 เสาเห็นว่าสามารถยืนได้จะรออะไรหล่ะ พวกเราก็ขึ้นไปยืนถ่ายรูปกันอย่างที่เห็นครับ
อีกมุม ของภาพบนสะพานไม้ หลังจากที่ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนานและแสงแดดเริ่มแรงขึ้นมากแล้ว
ก็ใกล้จะได้เวลาออกเดินทางกันต่อแล้วครับ จุดหมายของเรายังมีอีกหลายแห่ง
หลังจากทานข้าวเช้าและเก็บข้าวของเรียบร้อย พวกเราก็มุ่งหน้าไปกันต่อ จุดหมายของพวกเรา
ในวันนี้คือ ห้วยน้ำดังครับ และก่อนจะถึงเราก็ต้องแวะจุดชมวิวกันก่อนครับ
เป็นจุดชมวิวก่อนที่จะถึงอำเภอปางมะผ้าครับ ได้ทีถนนโล่งก็กระโดดกันอีกแล้วครับ ไปไหนที่จะไม่ กระโดด บ้างไม่มีเลย เต็มที่สุดๆไปเลยครับ
หลังจากแวะทานข้าวเดินเล่นนิดหน่อยและซื้อเสบียง ที่ อ.ปาย พวกเราก็เดินทางมาแวะเที่ยวกันต่ิอที่ Coffee in love ร้านกาแฟชื่อดังของที่นี่เลยครับ
ที่นี่มีการจัดสวนและสถานที่ต่างๆไว้อย่างน่ารักๆเยอะมากครับ มีจุดให้ได้ถ่ายรูปกันเล่นเยอะไปหมด
หลักกิโลก็ไม่พลาดครับ ต้องไปถ่ายรูปกัน จากจุดนี้ด้านหลังจะเป็นแอ่งหุบเขา และมีเทือกเขาเป็น
ฉากหลังวิวสวยมากครับ
จุดต่อไปที่เราแวะกันคือ สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย ครับ ซึ่งอยู่ติดถนนทางผ่านเลยครับ เป็นสะพานที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อลำเลียงกำลังพลและอาวุธเข้าไปยังประเทศพม่า
ไปเดินเล่นกันบนสะพานสักหน่อยแล้วกัน พอเดินไปถึงกลางสะพาน ก็มีน้องคนหนึ่งบอกว่า กระโดดถ่ายรูปกัน เอาอีกแล้วครับ ทุกที่เลย เอาน่าก็กระโดดถ่ายรูปมันสนุกจริงๆนี่ครับ
เวลาประมาณ 15.30 น. เราก็เดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังกัน หลังจากที่กางเต๊นท์กันเสร็จ
ก็ได้เวลาที่เราจะออกไปนั่งชมพระอาทิตย์ตกกันแล้ว
ท้องฟ้าด้านทิศตะวันตกเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงไปครึ่งฟ้า พวกเรานั่งชมพระอาทิตย์ตกกันอย่าง
สุขใจ และสดชื่น เพราะว่ามีลมหนาวเบาๆพัดผ่านมาตลอดเวลา
มุมสวยๆอีกมุมของขุนแม่ยะ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ทางทิศใต้ของห้วยน้ำดังครับ
ดวงตะวันจะลาลับขอบฟ้า ท้องนภาเปลี่ยนสีแดงฉาน ใครคนหนึ่งนั่งหลงมองอยู่นาน
ความหนาวซร้านแทรกซึมทั่วกายา
หลังจากที่ดวงตะวันลับไปแล้ว พวกเราก็ลงไปทำอาหารกินกัน หลังจากทานอาหารเสร็จ พวกเราก็ขึ้นไปชมดาว ที่วันนี้ พร่างพรายรายล้อมทั่วทิศเลยครับ จากที่จอดรถสามารถมองเห็นดาวได้ 360 องศาเลยทีเดียว สวยมากๆ อย่างเราจะธรรมดาเหมือนคนอื่นได้ที่ไหนกันครับ ต้องหาอะไรที่มันพิเศษหน่อย พวกเราจึงเลือกที่จะปีนขึ้นก้อนหินก้อนใหญ่ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเต็นท์ที่พัก เพื่อที่จะขึ้นไปนั่งมองดาว ที่พราวสวยเต็มท้องฟ้าเลยครับ ลมหนาวพัดเอื่อยๆไม่แรงมากครับคืนนี้
ช่วงเช้ามืดเราก็ลุกออกมาจากเต๊นท์สัมผัสอากาศที่หนาวเหน็บของวันใหม่ เรานั่งรถจากที่กางเต๊นท์เพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่กิ่วลมครับ จากที่กางเต็นท์ไปกิ่วลมไม่ไกลครับ ประมาณ 200 เมตรเท่านั้น แต่นั่งรถดีกว่าหนาวๆแบบนี้ไม่อยากเดินครับ
ที่ห้วยน้ำดังเราสามารถมองเห็น ดอยหลวงเชียงดาวที่ตั้งตระหง่านอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือครับ เป็นมุมที่ฮอตสุดของที่นี่เลยครับ
ช่วงที่กำลังรอดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน วันนี้นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะมากเท่าไหร่ครับ
พระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาให้เห็นแล้วครับ เอ้าท์ ถ่ายรูปกันหน่อย
พอพระอาทิตย์เริ่มขึ้นชัดแล้ว เราก็มาสร้างเครือข่ายพลังขอพรจากกะหล่ำประดับกันครับ ฮาสุดๆครับ
อีกมุมหนึ่งของดอยกิ่วลม ด้านนั้นมีศาลาพักชมวิวด้วยครับ อุณหภูมิเช้านี้อยู่ที่ 11 องศาไม่หนาว
มากเท่าไหร่ครับ
หลังจากชื่นชมความงามของพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เราก็กลับไปหาอะไรกินกัน และเก็บข้าวของเพื่อเดินทางกลับครับ ระหว่างเดินทางกลับเราก็แวะเที่ยวน้ำพุร้อนโป่งเดือดป่าแป๋กันก่อนครับ อุณหภูมิผิวดินอยู่ที่ประมาณ 98-99 องศาเลยครับ ผุดขึ้นมาจากดินตลอดเวลา บางครั้งพุ่งสูงถึง 2 เมตรเลยครับ
พอชมความมหัศจรรย์ของโป่งเดือดกันแล้ว เราก็แวะไปเที่ยวกันต่อ ที่น้ำตกหมอกฟ้า ซึ่งเป็นน้ำตกชั้นเดียว สูงประมาณ 30 เมตร อยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยครับ แต่ละคนทำยังกะ กำลังถ่ายปกอัลบั้มกันอยู่ครับ
หลังจากนั้นเราก็วิ่งยาวเลยครับจากเชียงใหม่ และที่สุดท้าย ของทริปการเดินทางครั้งนี้ที่เราจะแวะเที่ยวกันก็คือ เขื่อนภูมิพล ครับ ไปชมความอลังการของเขื่อนกันหน่อย แล้วทริปครั้งนี้ของพวกเราก็จบลงและเดินทางกลับกรุงเทพ กันอย่างปลอดภัย พร้อมกับความสนุกสนานที่เก็บเกี่ยวมาเพียบเลยครับ
การเดินทางที่แสนยาวนาน บนเส้นทางที่ผ่านหลายพันโค้ง
จิตใจยังคงสู้และมุ่งตรง ฝ่าพันโค้งสู่ความงามที่แสนไกล
ปิดท้ายทริปการเดินทางด้วยภาพสวยๆจากห้วยน้ำดัง
ขอบคุณสมาชิกร่วมทริปที่ช่วยกันสร้างสีสันของการเดินทาง
สวัสดีครับ....
พลเอก........
การเดินทางของทีมนักล่าฝัน บนเส้นทางไกล สวยมากกกกครับ...
ตอบลบอยากบอกว่า ทริปนี้เป็นทริปแรกที่ได้ท่องเที่ยวแบบจริงจัง บอกได้เลยว่าประทับใจมากๆ ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว และเพื่อนๆพี่ๆร่วมทริปด้วย ที่สำคัญต้องขอบคุณพี่เอกของเรามากๆที่เป็นคนบุกเบิกสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในทริปนี้ มันเป็นอะไรที่ลืมไม่ลง มีความสุขค่ะ ยังจำคุณป้าที่ให้มะขามกับเกลือไว้กินแก้เมารถได้ขึ้นใจ อาหารก็อร่อย
ตอบลบ......ส่วนคนที่ยังมองหาทริปดีๆน่าเที่ยวบรรยากาศดีๆ ขอแนะนำอีกหนึ่งทริปนะคะคือทริปนี้ ถ้าลองได้ไปจริงๆจะติดใจกับทุกๆอย่างที่อยู่รอบตัว ความสวยงามของธรรมชาติ มิตรภาพต่างแดนต่างภูมิภาค ที่สำคัญความทรงจำอันงดงามที่ยังคงตราตรึงไว้ ประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สุดยอดเหมือนกัน ลองดูนะคะ แล้วคุณจะติดใจ
.....ขอบคุณพี่เอกนะ ที่เอาทริปนี้มาลงรอมานานพอสมควร ทุกทริปที่เอามาแชร์ให้ดู ก็มีแต่น่าประทับใจทั้งนั้น บอกเล่าเรื่องได้น่าประทับใจมากๆๆๆ
......p' Aek หวังว่าพวกเราคงจะได้ไปแบบนี้อีกครั้ง...อย่าลืมทำความฝันของน้องให้เป็นจริงนะ.....
................fighting..................
................
ตอบลบพระเจ้า โว้ย เฮ้ย ว่ะ
สวยมาก ๆ ๆ ๆ ทริปนิ
เปงอิกทริปที่น่าสนใจ
น่าไปสัมผัสกับบรรยากาศ
คงจะสุดที่จาบรรยาย
เนอะ ............
เอประทับใจทริปนี้มากดูแล้วก้ออิจฉาคนที่ไปในทริปนี้
ตอบลบโอกาสหน้าเอคงจะได้ไปด้วยคนนะ
ขอบคุณน้องๆทุกคนมากครับ และแน่นอน หนทางยังมีเสมอ
ตอบลบไม่นานเราต้องได้ร่วมเดินทางไกลกันอีกแน่ๆ
บรรยากาศตอนเช้าสวยมากค่ะ O_O
ตอบลบ